กลุ่มทรู รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2563 พยุงรายได้จากการให้บริการที่ 26.5 พันล้านบาท แม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการบริหารค่าใช้จ่ายและระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร ส่งผลให้เป็นรายเดียวที่มี EBITDA เติบโตทั้งจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้าในอัตราร้อยละ 19 และจากไตรมาสก่อนหน้าในอัตราร้อยละ 2 เป็น 9.4 พันล้านบาทในไตรมาส 3
นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กล่าวว่า “กลุ่มทรูรายงาน EBITDA เติบโตต่อเนื่องในไตรมาสสาม ซึ่งแม้ว่าผู้บริโภคโดยรวมมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นจากผลกระทบของสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยืดเยื้อ แต่ก็เป็นความท้าทายที่ทำให้เกิดวิถีชีวิตแบบใหม่ หรือ New Normal ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจต่างปรับตัวเข้าหาดิจิทัลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นผลให้รายได้ บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตและรายได้จากธุรกิจดิจิทัลของกลุ่มทรูยังคงเติบโตต่อเนื่อง”
สำหรับทรูมูฟ เอช ขยายฐานลูกค้าระบบรายเดือนอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิระบบรายเดือนที่สูงสุดในอุตสาหกรรมจำนวน 269,000 ราย ในไตรมาส 3 ส่งผลให้รายได้จากกลุ่มลูกค้าระบบรายเดือนเติบโตในอัตราแบบเลขสองหลักจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ในขณะที่ผลกระทบจากเศรษฐกิจและสถานการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ยังคงกดดันรายได้ในกลุ่มลูกค้าระบบเติมเงินและรายได้จากบริการโรมมิ่งระหว่างประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งอุตสาหกรรม ทรูมูฟ เอช มีรายได้จากการให้บริการ 19.9 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 ผลักดันรายได้จากการให้บริการในช่วง 9 เดือนให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อนเป็น 60.2 พันล้านบาท มีฐานผู้ใช้บริการรวมจำนวน 30.1 ล้านราย แบ่งเป็นลูกค้าระบบเติมเงิน 20.8 ล้านรายและระบบรายเดือน 9.3 ล้านราย
ทรูออนไลน์
ทรูออนไลน์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตอันดับ 1 ของไทย ด้วยรายได้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 6.8 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 หนุนโดยฐานผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นสุทธิ 111,000 รายเป็น 4.1 ล้านราย
ทรูวิชั่นส์
ทรูวิชั่นส์ มีรายได้จากการให้บริการ 2.6 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 โดยรายได้หลักจากการบอกรับเป็นสมาชิกปรับตัวดีขึ้นหลังจากผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มทรงตัว ขณะที่แพ็กเกจพรีเมียมกลับมาเติบโตและมีแนวโน้มเชิงบวกตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศ นอกจากนี้ การมุ่งเน้นด้านออนไลน์มากยิ่งขึ้น แพ็กแกจแบบ A-la-Carte ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มได้ตรงจุด ตลอดจนรายได้จากเครือข่าย Influencer หรือผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ที่สูงขึ้น จะเป็นปัจจัยสร้างการเติบโตให้กับทรูวิชั่นส์ต่อไป ทั้งนี้ ทรูวิชั่นส์มีฐานลูกค้า 4.0 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2563 หนุนโดยกลุ่มลูกค้าประเภทพรีเมียมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อนหน้า
ทรูไอดี
ทรูไอดี เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดจำนวนการซื้อคอนเทนต์สูงถึง 311,000 ครั้ง หรือคิดเป็นการเติบโตร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ยอดการรับชมวิดีโอต่อเดือนยังเติบโตขึ้นสูงสุดถึง 240 ล้านวิว ทั้งนี้การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (English Premier League) ยังคงเป็นหนึ่งในคอนเทนต์หลักที่สามารถดึงดูดให้มีผู้ใช้งานทรูไอดีมากขึ้น โดยมีการซื้อแพ็กเกจสำหรับรับชมทั้งฤดูกาลในช่วงเปิดขายล่วงหน้าเพิ่มมากกว่า 3 เท่าจากปีก่อน
สำหรับแพลตฟอร์มดิจิตอลบนจอโทรทัศน์อย่าง กล่องทรูไอดี ทีวี เติบโตต่อเนื่องด้วยยอดกว่า 1.8 ล้านกล่อง สิ่งเหล่านี้ ส่งผลให้รายได้จากการสมัครรับชมคอนเทนต์ดิจิทัลและรายได้จากโฆษณาของทรู ดิจิทัล กรุ๊ป เติบโตในอัตราเลขสองหลัก ในขณะเดียวกัน ทรูยู สร้างความผูกพันของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยแคมเปญ “ทรูพอยท์ใจป้ำ” สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานใหม่ได้ถึงร้อยละ 16 และมียอดการเข้าร่วมแคมเปญสูงถึง 9.5 ล้านครั้ง และแคมเปญ “TruePoint Carnival Party” มียอดการเข้าร่วมถึง 4.6 ล้านครั้ง ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน โดยมีผู้ใช้งานซ้ำและกลับมาแลกทรูพอยท์ถึงร้อยละ 40
ในส่วนของลูกค้าองค์กร กลุ่มธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่น เพิ่มจำนวนอุปกรณ์เซ็นเซอร์ IoT ที่เชื่อมต่อและใช้บริการแล้วกว่า 281,000 อุปกรณ์ในไตรมาส 3 โดยในกลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการเกษตร ได้เปิดตัวโซลูชั่น True Digital Smart Crop ที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถคาดการณ์สภาพอากาศ วางแผนรับมือเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายจากภัยธรรมชาติ และได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สามารถช่วยปรับลดค่าใช้จ่ายได้
ในขณะที่ กลุ่มเทคโนโลยีการจัดการอาคาร ได้ร่วมมือกับธุรกิจบริหารจัดการอาคารพาณิชย์ชั้นนำเพื่อทดสอบระบบ Property Integration System ที่ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถจัดการการใช้งานพื้นที่ในบริเวณส่วนกลางทั้งในเชิงป้องกันและเชิงรุกได้ สำหรับตลาดผู้บริโภค ได้นำเสนอโซลูชั่น Smart Living ต่างๆ เช่น Home Center application, Home IoT sensors และอุปกรณ์ Homecare อื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถบริหารจัดการอุปกรณ์สาธารณูปโภคต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ