ถ้าจะพูดถึงช่องทางการสื่อสารแคมเปญออนไลน์หลักในประเทศไทยก็ต้องยกให้ Facebook เพราะเพจหลักของแบรนด์ส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ แต่อิทธิพลของ Twitter ก็ทำให้แบรนด์เข้าไปแย่งชิงพื้นที่อยู่ไม่น้อย
แต่ก็ยังไม่มีแบรนด์ไหนโดดเด่นมากนัก ที่ได้รับกระแสดีมากที่สุดก็คือ Tops Thailand เพราะ คอนเทนต์ที่ครีเอทีฟทั้งภาพและข้อความ เลยได้รับมงจากชาว Twitter ไป
แต่ถึงแม้จะมีน้อยแบรนด์ที่เข้ามาชิงพื้นที่สื่อใน Twitter แต่ทำไม Twitter ถึงมีแนวโน้มว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด ในที่นี้ขอพูดในเรื่องของอิทธิพลกระแสต่างๆ นะคะ เพราะเป็นสิ่งที่หลายแบรนด์ให้ความสำคัญ
Twitter แสดงตัวตนได้มากกว่า
ด้วย Culture ของ Twitter ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ชอบมาระบายความรู้สึกต่างๆ แบบเรียลไทม์ บ่นนั่นนี่ได้หมดแล้วแต่ใจฉัน หรือเรียกว่าเป็นแอคลับที่แสดงตัวตนไม่ได้ใน Facebook
ทำให้มีผู้ใช้ Twitter มากกว่าปีก่อนๆ ถึง 42% ซึ่งประเทศไทยมีอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในโลก ต่างจาก Facebook ที่เริ่มถดถอยไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะมีการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย และถึงแม้ Twitter จะมีโฆษณามากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังไม่ดูรก Timeline จนปวดหัวและไม่อยากเล่นต่อ
ทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่หลายแบรนด์อยากเข้ามาจับกันเรื่อยๆ และเจ้าตลาดก็ยังไม่มี เพราะเจ้าตลาดที่แท้จริงคือผู้เล่น ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่แบรนด์ต่างๆ อยากจะสื่อสาร ทำให้ Twitter เป็นแพลตฟอร์มฮอตๆ ที่สุดในตอนนี้ทันที
Twitter โฆษณาน้อย
ถ้าจะบอกว่าคนหนีจาก Facebook มาเล่น Twitter เพราะเบื่อกับโฆษณา ก็คงไม่แปลกอะไร เนื่องจาแพลตฟอร์มสร้างขึ้นมาเพื่อให้เราอยากติดต่อและสื่อสารกับสิ่งที่ชอบสิ่งนั้น
แต่บางทีก็ไม่ใช่สิ่งใกล้เคียงแบบที่ Facebook นำเสนอ เช่น คุณสนใจเครื่องสำอางค์แบรนด์นี้อยู่ พอออกจากเพจนั้นปุ๊ป เพจอื่นๆ ก็ขึ้นมาเต็ม Timeline ซึ่งมันเยอะเกินที่ผู้เล่นจะอยากเสพด้วยซ้ำ
ถึงแม้ Facebook จะปรับให้เห็นน้อยลงและเห็นคนรอบตัวมากขึ้น แต่คนรอบตัวก็ไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจเสมอไป ความวุ่นวายนี้ทำให้คนหนีไปแพลตฟอร์มสนุกๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะอย่าง Twitter ไปในทันที
Twitter เสพง่าย เลยเสพติดง่าย
เล่น Twitter ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ อยากพิมพ์อะไรก็พิมพ์ อยากโพสต์อะไรก็โพสต์ คนมารีโพสต์บางทีก็ไม่รู้ว่าใคร เหมือนมาสู่อีกจักรวาลหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก
แต่ถึงรู้จักก็เป็นคนที่เราไว้ใจแล้วว่าเห็นโพสต์กันได้ เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นข้อความที่เป็นความรู้สึกจริงๆ เหมือนกับกระแสไวรัล กินบะหมี่ MK ลวกไม่ลวก #ทีมไม่ลวกหมี่หยก #ทีมลวกหมี่หยก
ซึ่งต้นตอก็เกิดจากโพสต์สั้นๆ ว่าวิธีทะเลาะกับเพื่อน แล้วเป็นโพสต์ถกเถียงว่ากินบะหมี่เอ็มคีต้องลวกหรือไม่ จากกระแสตรงนี้กลายเป็นไวรัลครั้งใหญ่ในโซเชียล ทำให้ธามไลน์ลุกฮือ และยังส่งผลดีต่อยอดขาย MK อีก เพราะบล็อคเกอร์สายกินบน Facebook ก็ทำคอนเทนต์ MK รัวๆ เรียกว่า MK มีแต่ได้กับได้
ทำให้ MK Group ต้องรีบรับลูก ด้วยการออกแคมเปญ แจกบะหมี่หยกฟรี 100 จานแรกทุกสาขา ตามใจ #ทีมลวกหมี่หยก หรือ #ทีมไม่ลวกหมี่หยก ลวกมา เอ๊ย รีบมาให้ไว…อร่อยได้ทั้ง 2 ทีม เฉพาะวันพรุ่งนี้เท่านั้น (8 ม.ค. 62) เชื่อว่างานนี้สาขาถล่มแน่นอน
ทั้งหมดที่กล่าวมาคงจะบอกได้ถึงพลังของ Twitter ได้ระดับนึง รวมถึง Media Planner ที่ต้องสร้างแผนใหม่สำหรับ Twitter บ้างแล้วนอกจากปั่นแฮชแท็คที่ทำกันอยู่ในปัจจุบัน เพื่อจะได้สร้างไอเดียใหม่ๆ ในการโปรโมท อยากรู้แล้วเชียวว่าจะมีแบรนด์ไหนที่สามารถเป็นเจ้ากระแสของ Twitter ได้