Site icon Thumbsup

Twitter ห้ามลงโฆษณาเรื่องการเมืองทุกประเภท ชี้ประชาชนรับรู้ดังกล่าวได้ด้วยตนเอง

CEO ของ Twitter ‘Jack Dorsey’ ประกาศผ่านทวีตส่วนตัว @jack ระบุอย่างชัดเจนว่าบริษัทจะไม่อนุญาตให้ลงโฆษณาที่เป็นเกี่ยวข้องกับทางการเมืองทุกประเภท Jack อธิบายอย่างเป็นลำดับในทวิตส่วนตัวอย่างชัดเจนพอสมควร

เขามองว่า โฆษณาผ่านทางอินเทอร์เน็ตมีพลัง แต่พลังนั้นนำมาซึ่งความเสี่ยง ซึ่งมีผลต่อการลงคะแนนหรือโหวต และมีผลต่อผู้คนมากมายหลายล้านชีวิต ประกอบกับมีความท้าทายหลายอย่างเช่น Machine Learning และ Deepfake ที่มาอย่างเร็วและซับซ้อนมากขึ้น

แน่นอนการตัดสินใจครั้งนี้ ต้องการส่งแรงกระทบไปยัง Facebook อย่างชัดเจน เนื่องจากก่อนหน้านี้ CEO Facebook ‘Mark Zuckerberg’ มองว่าไม่ควรปิดกั้นการลงโฆษณาทางการเมือง เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่แต่ละคนจะลงโฆษณาและประชาชนควรจะรับรู้ข้อมูล

โดย CEO Twitter กล่าวเสียดสีว่า “ความน่าเชื่อถือจะไม่เกิดขึ้นเมื่อพูดว่า: พวกเรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหยุดผู้คนจากการเล่นเกมบนระบบของเราเพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิด แต่!!! แต่ถ้าใครสักคนจ่ายเงินให้เราเพื่อยิงแอดและบังคับให้คนเห็นโฆษณาทางการเมืองของเขา…อืม…พวกเขาสามารถพูดอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ!“

ซึ่ง Jack ชี้ให้เห็นว่ากำกับดูแลโฆษณาทางการเมืองแม้จะก้าวหน้ามากขึ้นแต่ยังไม่เพียงพอ และมองว่าการเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement) ไม่จำเป็นต้องใช้การโฆษณาทางการเมืองเลย

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมจะประกาศในวันที่ 15 พ.ย. นี้ และการห้ามโฆษณาทางการเมืองจะมีผลในวันที่ 22 พ.ย. 62

อ่านแถลงการณ์ผ่านทวิตของ CEO Twitter แบบแปลเป็นภาษาไทยได้จากด้านล่างนี้


พวกเราตัดสินใจหยุดการโฆษณาทางการเมืองบน Twitter ทั่วโลก พวกเราเชื่อว่าการสื่อสารทางการเมืองจะเข้าถึงคนได้ผ่านการรับรู้โดยตรง ไม่ใช่จากการซื้อโฆษณา ทำไมถึงเป็นแบบนั้น เราจะอธิบายเหตุผลให้ฟัง

การสื่อสารทางการเมืองแต่ละอันจะได้รับความสนใจเมื่อ Follow บัญชีนั้นๆ หรือ Retweet ทวีตอันใดอันหนึ่ง การจ่ายเงินเพื่อให้เกิดความสนใจเป็นการตัดสินใจของประชาชน รวมถึงเป็นการบังคับให้ข้อความด้านการเมืองที่ถูกปรับแต่งมานั้นพุ่งเป้าไปถึงประชาชน พวกเราเชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ควรประนีประนอมกับ “เรื่องเงิน”

ในขณะที่การโฆษณาผ่านทางอินเทอร์เน็ตมีพลังอย่างเหลือเชื่อ และมีประสิทธิภาพมากสำหรับผู้ลงโฆษณาเชิงพาณิชย์ แต่พลังนั้นนำมาซึ่งความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญในทางการเมือง โดยการโฆษณาดังกล่าวสามารถสร้างอิทธิพลต่อการลงคะแนนหรือโหวต มีผลต่อผู้คนมากมายหลายล้านชีวิต

จะเห็นว่าโฆษณาทางการเมืองบนอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันมีเรื่องความท้าทายใหม่ๆ ต่อบรรยากาศการสนทนาของพลเมือง เช่น Machine Learning ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการสื่อสารและเจาะกลุ่มเป้าหมายย่อย, ข้อมูลที่สื่อสารผิดไปแล้วขาดการตรวจสอบ และ Deepfake ซึ่งทั้งหมดนี้มาพร้อมกับความเร็ว, ความซับซ้อน และความครอบงำที่มีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งความท้าทายทั้งหมดนี้มีผลต่อทุกการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่แค่การลงโฆษณาเรื่องการเมือง ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการโฟกัสที่รากของปัญหา แบบไม่เพิ่มภาระและความซับซ้อนของการนำเงินมาใช้ การพยายามแก้ปัญหาทั้งสองประเด็น หมายถึงการแก้ทั้งสองอย่างให้ดีขึ้นไม่ได้ และเป็นอันตรายต่อความน่าเชื่อของ Twitter

ตัวอย่างเช่น ความน่าเชื่อถือจะไม่เกิดขึ้นเมื่อพูดว่า “พวกเรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหยุดผู้คนจากการเล่นเกมบนระบบของเราเพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิด แต่!!! แต่ถ้าใครสักคนจ่ายเงินให้เราเพื่อยิงแอดและบังคับให้คนเห็นโฆษณาทางการเมืองของเขา…อืม…พวกเขาสามารถพูดอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ!”

ก่อนหน้านี้เราได้ตัดสินใจสร้างไม่อนุญาตให้โฆษณาเฉพาะผู้สมัครทางการเมือง แต่โฆษณาหลายอันก็นำเสนอวิธีหลีกเลี่ยง ซึ่งมันไม่แฟร์กับทุกคน(ในแพลตฟอร์ม) แต่ผู้สมัครทางการเมืองก็ต้องการซื้อโฆษณาเพื่อผลักดันประเด็นของเขา ดังนั้นเราก็ต้องหยุดเรื่องพวกนี้ด้วย

พวกเราตระหนักดีกว่า พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศการโฆษณาทางการเมืองที่ขนาดใหญ่ขึ้น บางคนอาจโต้แย้งว่าการกระทำของเราในวันนี้อาจเป็นประโยชน์กับผู้ครองตลาด แต่เราเห็นการเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement) เข้าถึงคนหมู่มากได้โดยไม่ต้องพึ่งการโฆษณาทางการเมือง ซึ่งเราเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะมีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้พวกเราต้องการสร้างกำกับดูแลโฆษณาทางการเมือง (แม้จะยากมากที่จะทำ) ถึงการกำหนดข้อบังคับเพื่อสร้างความโปร่งใส่ในการโฆษณาจะก้าวหน้าไปมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ปัจจุบันโลกอินเทอร์เน็ตสามารถทำสิ่งใหม่ๆ ได้มากขึ้นเรื่อยๆ และหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ ต้องคิดแล้วว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้นเรากำกับสนามนี้ได้จริงๆ หรือเปล่า

ทำให้เราจะแถลงข่าวเรื่องนโยบายนี้ในวันที่ 15 พ.ย. นี้ พร้อมกับเงื่อนไขบางอย่าง (เช่น โฆษณาที่สนับสนุนให้คนไปเลือกตั้งจะยังได้รับการอนุญาต) โดยพวกเราจะเริ่มบังคับใช้นโยบายในวันที่ 22 พ.ย. 62 เพื่อให้ผู้ลงโฆษณาทราบช่วงเวลาบังคับใช้ ก่อนที่นโยบายดังกล่าวจะมีผลจริงๆ

สุดท้าย นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น นี่เป็นเรื่องในการจ่ายเงินเพื่อการเข้าถึงผู้คน และประเด็นการจ่ายเพื่อเพิ่มการพูดถึงเรื่องการเมืองมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของประชาธิปไตยของปัจจุบัน ซึ่งอาจจะยังไม่มีการเตรียมรับมืออย่างเพียงพอ ถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่าอย่างยิ่งที่จะเดินถอยกลับไปในที่ที่ควรจะอยู่