Twitter ประกาศกรอบราคาจำหน่ายหุ้นครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์หรือ IPO (initial public offering) อย่างเป็นทางการ ระบุว่าจะจำหน่ายหุ้น 70 ล้านหุ้นในราคาระหว่าง 17-20 เหรียญสหรัฐ (ราว 544-640 บาท) เพื่อเพิ่มทุนดำเนินงานให้บริษัทมูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.48 หมื่นล้านบาท)
ราคาเสนอขายหุ้นครั้งแรกของ Twitter ถูกมองว่าสูงกว่ามูลค่าตลาดที่นักวิเคราะห์ประเมิน Twitter ไว้ถึง 13% ซึ่งราคา 17-20 เหรียญต่อหุ้นจะทำให้มูลค่าตลาด Twitter เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
นักวิเคราะห์ระบุว่าราคา IPO ของ Twitter นั้นต่ำกว่าคาดการณ์ จุดนี้เชื่อว่าเป็นเพราะ Twitter ต้องการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ “หุ้นตก” เหมือนที่เคยทำร้ายเครือข่ายสังคมสุดฮิตอย่าง Facebook อยู่พักใหญ่ โดย Brian Wieser นักวิเคราะห์ของบริษัทวิจัย Pivotal Research Group ชี้ว่า Twitter พยายามกำหนดราคา IPO อย่างรอบคอบเพื่อการเติบโตที่มั่นคง
ก่อนหน้านี้ Facebook เคยตั้งราคา IPO ไว้สูงถึง 38 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา มูลค่าหุ้น Facebook ก็ทะลุเพดานที่ 45 เหรียญสหรัฐ ก่อนจะไถลตกต่ำต่อเนื่องหลายเดือนเพราะนักลงทุนไม่พอใจกับรายได้ที่ Facebook ทำได้ ล่าสุด Facebook สามารถกู้วิกฤติบริษัทและดันมูลค่าหุ้นให้สูงกว่าระดับ 38 เหรียญที่เคยตั้งไว้สำหรับ IPO เรียบร้อย
นักวิเคราะห์เชื่อว่า การขายหุ้นของ Twitter ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก New York Stock Exchange จะเป็นการจำหน่ายหุ้นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่ยิ่งใหญ่อันดับ 2 รองจากการเข้าตลาดของ Facebook อย่างไรก็ตาม นักสังเกตการณ์หลายคนกลับมองเห็นความกังวลของนักลงทุน ที่อาจไม่แน่ใจว่า Twitter จะสามารถทำรายได้เท่ากับมูลค่าบริษัทที่จะถูกปรับใหม่เป็น 1.1 หมื่นล้านเหรียญหลังการขาย IPO
Twitter นั้นเป็นบริการบล็อกสั้นหรือ microblogging ที่ให้บริการมา 7 ปี ตามข้อมูลจากเอกสาร IPO ที่ Twitter แจ้งต่อคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า ปัจจุบัน Twitter มีผู้ใช้งานรายเดือนมากกว่า 218 ล้านคน โดยข้อความทวีตที่ถูกส่งผ่าน Twitter มีจำนวนมากกว่า 500 ล้านข้อความต่อวัน
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ใช้และข้อความทวีตยังไม่สามารถสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำให้ Twitter โดย Twitter ยังขาดทุนอยู่ 69 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2013 บนรายรับรวม 254 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับบ้านเรา Twitter เป็นเครือข่ายสังคมชื่อดังอันดับสองรองจาก Facebook และเริ่มเปิดขายโฆษณาผ่านเอเยนซี่อย่าง Komli แล้ว ซึ่งก็มีการตอบรับของนักโฆษณาไทยอยู่บ้างแต่อาจจะยังเทียบ Facebook ไม่ได้ หรือคุณคิดเป็นอย่างอื่น?
ที่มา: BBC