เมื่อสักปีที่แล้ว Facebook ได้เริ่มเปิดตัวรูปแบบการโฆษณาสำหรับนักพัฒนาที่มีแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเพื่อที่จะโปรโมทแอปใหม่ๆ ให้กลุ่มคนเป้าหมายได้ดาวน์โหลด ตอนนี้เหมือนทาง Twitter เพิ่งจะรู้ตัวว่านี่คือขุมทรัพย์ในการทำเงิน เลยหันมาเปิดตัว mobile app promotion suite
เมื่อปลายปี 2013 thumbsup เคยได้เสนอข่าวการทดสอบการแทรกโฆษณาแอปพลิเคชัน ซึ่งในตอนนั้นเป็นลักษณะในช่วงการทดสอบและมีภาพหลุดออกมา แต่ตอนนี้ทาง Twitter ได้เปิดตัวรูปแบบการโฆษณานี้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยทาง Twitter ใช้ MoPub’s mobile advertising exchange มาเป็นกลไกในการจัดการโฆษณา (ซึ่งบริษัทนี้ทาง Twitter เข้าซื้อกิจการไปเมื่อตุลาคม 2013)
ตัวเลขในการเข้าถึงจำนวนอุปกรณ์ที่จะเห็นโฆษณา ทาง MoPub ได้เคลมว่าจะเข้าถึงได้มากกว่า 1 พันล้านเครื่อง และสามารถจัดการคำขอโฆษณาจากการกดผ่านอุปกรณ์แอนดรอยด์และ iOS ได้มากกว่า 130,000 ล้านครั้งในทุกๆ 30 วัน ซึ่งตัวเลขที่เคลมมานี้จะทำให้เป็น Mobile Ad Exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนยอดผู้ใช้ Twitter ที่มีอยู่มากกว่า 241 ล้านบัญชีในตอนนี้
ผู้ที่จะลงโฆษณาสามารถเข้าไปจัดการได้ที่ ads.twitter.com ได้โดยตรง โดยสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมาย, รูปแบบการแสดงผล และเครื่องมือในการวัดประสิทธิภาพในการลงโฆษณาได้จากชุดเครื่องมือที่ทาง Twitter เตรียมไว้ให้ แต่เมื่อได้ลองเข้าไปดูแล้ว ก็พบว่าทาง Twitter ยังจำกัดประเทศที่จะสามารถลงโฆษณาอยู่ โดยจะให้เฉพาะผู้ที่ทวีตด้วยภาษาอังกฤษและอาศัยอยู่ที่ สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, แคนาดา และไอร์แลนด์เท่านั้น
ตอนนี้ก็มีคนที่เริ่มทดสอบการลงโฆษณาแล้วบางเจ้า เช่น Spotify, HotelTonight, Kabam, Deezer, SeatGeek, GREE และ GetTaxi ซึ่งถ้าใครได้ใช้งานแอป Twitter Official น่าจะได้เริ่มเห็นโฆษณากันบ้างแล้วนะครับ (ผู้ลงโฆษณาทั้งหมดถือเป็น beta partner หรือผู้ร่วมทดสอบการลงโฆษณาก่อนเริ่มใช้งานจริง)
สำหรับรูปแบบโฆษณาที่ทาง Twitter เปิดตัวขึ้นมานั้นไปเหมือนกับที่ทาง Facebook ทำมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว ซึ่งการตอบรับของ Facebook ก็ได้ผลที่ค่อนข้างดี (ทำรายได้งาม) จึงน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ Twitter เลือกทำโฆษณารูปแบบนี้ตาม ซึ่งลักษณะการแสดงผลก็สามารถทำได้แนบเนียนเหมือนข้อความทวีตทั่วไปที่ใส่ปุ่มเพิ่ม
ส่วนตัวค่อนข้างชอบลักษณะรูปแบบโฆษณาแบบนี้ มันไม่รู้สึกรกสายตาดูเนียนๆ ไปได้ และพร้อมที่จะสะดุดตาทุกเมื่อเพราะจะมีการใช้งานรูปและปุ่มมาดึงดูดให้เราคลิกดาวน์โหลดหรือเข้าไปที่แอปนั้นๆ แต่ก็ต้องอย่าลืมข้อเสียข้อใหญ่ที่จะไม่เหมือนกับ Facebook คือ ลักษณะการใช้งาน Twitter ของคนทั่วไปนั้นจะใช้แอปพลิเคชันที่หลากหลาย ไม่ได้ใช้ Twitter Official App เพียงอย่างเดียวเหมือนกับ Facebook ที่ลอคเป้าบังคับให้ใช้มันเพียงอย่างเดียว ดังนั้นการเห็นโฆษณาก็ย่อมจะมีน้อยกว่าเมื่อเทียบกันกับ Facebook
สิ่งที่น่าจะยั่วใจก็คงจะเหลือแต่ราคาที่ถูกกว่าเท่านั้น
ที่มา: Blog Twitter