ใครๆ ก็สามารถใช้ Facebook Ads ได้ แต่นักการตลาด ธุรกิจ และแบรนด์ควรทำความเข้าใจการทำงานของโฆษณาบน Facebook เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจ
ทาง Facebook ได้เผยแพร่ภาพรวมการทำงานของระบบโฆษณา โดยทาง Thumbsup สรุปได้ดังนี้
ปัจจัยสำคัญ 2 ประการที่พิจารณาว่าโฆษณาใดจะแสดงผลให้ผู้ใช้
1.ผู้โฆษณาเลือกกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience) ของโฆษณาผ่านเครื่องมือ
ผู้ชม (Audiences) จะแบ่งตามหมวดหมู่ที่กำหนด เช่น อายุ เพศ ความสนใจ โดยเฟซบุ๊กเก็บข้อมูลจากการกดไลก์เพจ คลิกโฆษณา การเยี่ยมชมเพจต่างๆ เพื่อแบ่งผู้ชมให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
โดยเฟซบุ๊กแนะนำว่าให้ดูข้อมูลผู้ชมที่เหมาะกับโฆษณาของธุรกิจผ่าน “ข้อมูลเชิงลึก” ซึ่งจะบ่งบอกเพศ อายุ พื้นที่ และความสนใจของผู้ที่สนใจในธุรกิจของคุณ หลังจากนั้นระบบของเฟซบุ๊กจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าใครควรเห็นโฆษณา โดยใช้ระบบจับคู่กลุ่มเป้าหมายกับข้อมูลที่กำหนด
2.คำนวณ Total Value
หลังจากเลือกกลุ่มเป้าหมายแล้ว เฟซบุ๊กจะเป็นผู้เลือกว่าผู้ใช้งานคนไหนควรเห็นโฆษณา โดยใช้คำนวณจาก Total Value ซึ่งมีส่วนประกอบดังนี้
Advertiser Bid คือจำนวนเงินที่ใช้โฆษณาบน Facebook ยิ่งมากระบบโฆษณาจะช่วยให้โฆษณาเข้าถึงคนจำนวนมากขึ้น
Estimated Action Rate คือแนวโน้มที่ Ads จะได้รับความสนใจจากผู้ใช้งาน ยิ่งมีจำนวน like, share, comment, ดู video หรือ click ยิ่งมาก ยิ่งมี Estimated Action Rate สูง ซึ่งจะทำให้โฆษณาถูกแสดงผลบ่อยขึ้น เข้าถึงคนได้มากขึ้น
Ad Quality คือคุณภาพของโฆษณาจะช่วยให้โฆษณาแสดงบ่อยขึ้น ราคาต่อคลิกถูกลง วิธีทำให้โฆษณามีคุณภาพ เช่น ข้อความไม่มากเกินไป มีอัตราการมีส่วนร่วมสูง
โดยทั้ง 3 องค์ประกอบเราสามารถควบคุมข้อแรกและข้อสุดท้ายได้ เราสามารถกำหนดจำนวนเงินที่ยินดีจ่ายและคุณภาพของโฆษณาขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเทคนิค แม้ว่า Estimated Action Rate อาจอยู่นอกเหนือการควบคุมแต่ทุกคนก็สามารถวิเคราะห์และพัฒนาให้ดีขึ้นได้
ทั้งนี้ เป้าหมายของ Facebook คือการใช้ข้อมูลสร้างโฆษณาที่น่าสนใจและมีประโยชน์ต่อผู้คน รวมถึงส่งเสริมประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ ดังนั้นการแสดงโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการสินค้าหรือบริการคือจุดมุ่งหมายของ Facebook
อ้างอิง Facebook