เพราะวันวาเลนไทน์เพียงแค่วันเดียว สหรัฐฯมียอดค่าใช้จ่ายรวมกันสูงถึง 13,190 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เหตุผลนี้เพียงพอแล้วที่จะสะท้อนว่าทำไมนักการตลาดจึงควรสนใจพฤติกรรมของผู้บริโภคในวันแห่งความรัก โดยเฉพาะปีนี้ที่โลกจะได้พบกับ “วาเลนไทน์ดิจิตอล” เต็มตัว
ใกล้จะถึงวันแห่งความรักเข้าไปทุกที เว็บไซต์ Mobistealth.com จึงรวบรวมสถิติของสหรัฐฯ ในช่วงวันวาเลนไทน์ปีที่แล้ว (2012) มานำเสนอ ซึ่งนอกจากจะพบว่ายอดค่าใช้จ่ายรวมในวันวาเลนไทน์วันเดียวมีสัดส่วนทะลุ 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ การสำรวจยังพบว่าพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่กว่า 1 ใน 5 มักจะเตรียมของขวัญวันวาเลนไทน์ก่อนล่วงหน้าเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น
นี่เองเป็นที่มาของวาเลนไทน์ดิจิตอล เพราะ Mobistealth.com เชื่อว่าผู้บริโภคหลายคนต้องหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างโทรศัพท์มือถือและสื่อออนไลน์ในฐานะตัวช่วยค้นหาของขวัญเพื่อให้ทันกับวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
โดยของขวัญยอดฮิตที่ถูกค้นหาผ่านโทรศัพท์มือถือในช่วงวันวาเลนไทน์มากที่สุด 3 อันดับแรก คือ เครื่องประดับ (Jewelry) ครองอันดับ 1 ด้วยยอดเสิร์ชที่สูงขึ้นจากปกติ 42% รองลงมาเป็นของขวัญทั่วไปเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ (เพิ่มขึ้น 27%) ขณะที่ดอกไม้ตามมาเป็นอันดับ 3 (เพิ่มขึ้นจากปกติ 18%)
นอกจากโทรศัพท์มือถือจะถูกใช้เพื่อค้นหาของขวัญในวันวาเลนไทน์แล้ว ยังถูกใช้เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารอีกด้วย โดยช่วงก่อนวันวาเลนไทน์เพียงแค่ 1 สัปดาห์ (วันที่ 7-14 กุมภาพันธ์) คำเสิร์ชยอดฮิตอย่างคำว่า ?ร้านอาหาร? ก็ถูกค้นหาผ่านโทรศัพท์มือถือเพิ่มสูงขึ้นถึง 359% รวมไปถึงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop) 142% และแท็บเล็ต 135%
และปรากฏว่าในวันวาเลนไทน์เพียงแค่วันเดียวคำว่า ?ร้านอาหาร? ก็กลายเป็นคำเสิร์ชยอดนิยมที่ถูกค้นหาผ่านโทรศัพท์มือถือมากถึง 62% ส่วนคนบางกลุ่มที่ไม่นิยมออกไปทานอาหารนอกบ้านก็พบว่ามีการใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเมนูอาหารและวิธีทำอาหารเพื่อทำกินเองที่บ้านมากที่สุดในวันวาเลนไทน์นี้ด้วยเช่นกัน
ส่วนเหตุผลสำคัญที่ทำให้โทรศัพท์มือถือและสื่อออนไลน์เข้ามามีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้นก็คือ ความสะดวกสบายและประหยัดเวลา รวมไปถึงประหยัดเงินในกระเป๋า ซึ่งการนำเทคโนโยลีมาช่วยนี้เอง ทำให้หนุ่มๆหลายคนสามารถประหยัดเงินได้มากกว่าการออกไปเดินหาซื้อของนอกบ้านได้ไม่น้อย โดยส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์เฉลี่ยอยู่ที่ 158 เหรียญสหรัฐต่อคน
คงจะดีไม่น้อยถ้าข้อมูลเหล่านี้มีการสำรวจในตลาดไทยบ้าง นักการตลาดทั่วไทยคงจะได้ประโยชน์จากงานวิจัยนี้ไม่น้อยทีเดียว
ที่มา: Visual.ly