เรารู้กันดีว่าในแวดวงการตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะรูปแบบของสื่อที่ใช้ในการนำเสนอ ซึ่งในปัจจุบัน นักการตลาดจำนวนมากหันไปให้ความสนใจกับ “วิดีโอออนไลน์” (Video Online) แทนการโฆษณาผ่านสื่อแบบดั้งเดิมอย่าง “โทรทัศน์” เพิ่มขึ้น โดยเว็บไซต์ Business.com ระบุว่า เวลานี้มีนักการตลาดจำนวนเกือบครึ่ง (48%) ที่เริ่มเปลี่ยนใจหันมาใช้วิดีโอออนไลน์แทนการทำโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ รวมไปถึงอีกกว่า 64% ของนักการตลาดยังวางแผนเพื่อเพิ่มเงินลงทุนในการทำโฆษณาผ่านทางวิดีโอด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังพบว่า 100 แบรนด์ดังระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Nike, Apple, GM, GE, Toyota และ McDonald’s ยังมีการลงทุนเพื่อทำวิดีโอออนไลน์คิดเป็นมูลค่ามากกว่ารวมกันมากกว่า 4,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุสำตัญที่ทำให้นักการตลาดเทความสนใจไปที่วิดีโอออนไลน์มากขึ้นเนื่องจาก ความเชื่อมั่นถึงประสิทธิภาพของการใช้งานของวิดีโอออนไลน์ โดยนักการตลาดกว่า 39% เห็นว่าวิดีโอเป็นสื่อในการนำเสนอข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึง 75% ของบริษัทตัวแทนโฆษณายังเชื่อว่า วิดีโอออนไลน์เป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าช่องทางอื่นๆอย่างเช่น โทรทัศน์ อีกด้วย
รูปแบบพฤติกรรมการบริโภคสื่อของผู้บริโภคก็อีกส่วนสำคัญที่ทำให้วิดีโอออนไลน์ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น โดยผลการสำรวจพบว่า 25% ของชาวอเมริกันรับชมวิดีโอออนไลน์ผ่านทางอุปกรณ์ต่างๆ คิดเป็นจำนวนมากกว่า 1 ครั้งต่อวัน ส่งผลทำให้ปัจจุบันแวดวงวิดีโอออนไลน์ในสหรัฐฯกลายเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ดึงดูดผู้ชมรวมกันกว่า 75 ล้านคนต่อวันและมีการรับชมคลิปต่อเดือนมากถึง 40,000 ล้านคลิป
ส่วนเป้าหมายสำคัญในการรับชมวิดีโอออนไลน์ของผู้บริโภคส่วนใหญ่ คือ การหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและการบริการ รวมถึงหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ โดย “โทรศัพท์มือถือ” กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่กำลังได้รับความนิยมและถูกใช้เป็นช่องทางเพื่อเข้าถึงวิดีโอออนไลน์ ล่าสุดพบว่ามีการรับชมวิดีโอออนไลน์จากผู้ชมทั่วโลกผ่านมือถือเฉลี่ยอย่างต่ำหนึ่งครั้งต่อเดือนที่ 56% และอย่างต่ำหนึ่งครั้งต่อวันที่ 28%
ที่มา: business.com