นับตั้งแต่วันที่ 14 มกราคมปี 2014 กฏหมายมาตรา 174 ของเวียดนามจะมีผลบังคับใช้กับชาวออนไลน์ในเมืองญวน ซึ่งไม่เพียงจะจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย แต่ยังมีผลขัดขวางไม่ให้วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปีมีโอกาสซื้อไอเท็มเกมรวมถึงการเติมเงินบริการผ่านเงินเสมือนหรือ virtual currency ด้วย ไม่เช่นนั้นจะโดนโทษปรับ 3,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 112,000 บาท
ปกติแล้ว ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในหลายประเทศสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระโดยมีกฎเกณฑ์ควบคุมเล็กน้อย แต่ในประเทศเวียดนามกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะรัฐบาลเวียดนามได้ออกกฎหมายใหม่เพื่อเตรียมโทษปรับไว้สำหรับใครก็ตามที่โพสต์ข้อความประท้วงรัฐบาลผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนสูงถึง 4,740 เหรียญสหรัฐหรือกว่า 146,940 บาท
นอกจากนี้ กฎหมายนี้ยังต้องการควบคุมผู้ประกอบการเกมอย่างเข้มงวด โดยกำหนดโทษปรับ 2,000-3,500 เหรียญสหรัฐหากเจ้าของร้านเกมหรืออินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ให้บริการเครื่องเล่นทั้งคอมพิวเตอร์และเกมคอนโซลโดยไม่มีใบอนุญาต ขณะที่ผู้สร้างระบบเกมหรือตัวเกมที่มีเนื้อหาความรุนแรง เพศ การพนัน และพฤติกรรมอันตรายต่างๆจะได้รับโทษปรับ 1,000-1,500 เหรียญสหรัฐ หรือแม้แต่เซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการเกมโดยไม่มี license ก็จะทำให้เจ้าของเครื่องถูกปรับ 1,500-2,000 เหรียญสหรัฐ
สำหรับกฎหมายกีดกั้นการแสดงความเห็นทางการเมืองบนโซเชียล กฎหมายดังกล่าวถูกวิจารณ์ว่าไม่มีความชัดเจนนักในรายละเอียด มีเพียงการระบุว่ารัฐบาลจะคิดค่าปรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่โพสต์ข้อความชวนเชื่อหรือมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมเพื่อต่อต้านรัฐบาล โดยกฎหมายดังกล่าวถูกลงนามโดย Nguyen Tan Dung นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม ไปเป็นที่เรียบร้อยก่อนหน้านี้
กฎหมายใหม่ของรัฐบาลเวียดนามทำให้หลายหน่วยงานต่างออกมาแสดงความกังวลต่อกรณีดังกล่าว เช่น สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงฮานอยที่เป็นห่วงว่าการออกกฎหมายดังกล่าวเปรียบเสมือนการจำกัดเสรีภาพของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ที่แท้จริงแล้วควรมีเสรีภาพเทียบเท่ากับผู้ที่ประท้วงรัฐบาลในรูปแบบอื่นทั่วไป
ยังมีองค์กรอย่าง Electronic Frontier Foundation (EFF) หน่วยงานไม่หวังผลกำไรที่คอยต่อสู้เรื่องสิทธิและเสรีภาพในยุคดิจิตอล ก็ออกมาแสดงท่าทีในทิศทางเดียวกับสถานทูตสหรัฐฯ โดยประกาศในท่าทีต่อต้านว่า เสรีภาพของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติในประเทศเวียดนาม
ถึงแม้ปัจจุบันเวียดนามจะมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดหรือกว่า 90 ล้านคน แต่ผู้ใช้งานก็ยังต้องเผชิญกับกฎที่เข้มงวดในการใช้งานอินเทอร์เน็ต จนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เปรียบได้กับเป็น “ศัตรูของอินเทอร์เน็ต” ไปเรียบร้อย แต่เชื่อไหมล่ะครับว่าเวียดนามก็ไม่ได้โดนอยู่ประเทศเดียวนะครับ อย่างพม่า เกาหลีเหนือ และจีนก็โดนกันถ้วนทั่ว ไม่เชื่อลองอ่านจากข่าวเก่าได้เลย
ที่มา: TechinAsia, VentureBeat