1 ในเนื้อหาหรือ Content ที่ดึงดูดคนได้มากรวมทั้งการส่งต่อไปหาคนอื่น ๆ ได้ง่าย นั่นก็คือวิดิโอ เหตุเพราะมันเป็นภาพเคลื่อนไหวสามารถสะกดคนให้อยู่กับสิ่งที่ดูได้เป็นเวลานาน รวมทั้งการเข้ามาของโซเชียลมีเดียยิ่งทำให้การแพร่กระจายของวิดิโอยิ่งมีมากขึ้นไปกว่าเดิมหลายสิบหลายร้อยเท่า ซึ่งอันดับ 1 ของบริการวิดิโอออนไลน์ก็คือ YouTube ส่วนช่องทางที่คนเลือกเผยแพร่ในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้น Facebook…
สำหรับบน Facebook แล้วการที่จะแชร์วิดิโอสามารถทำได้ 2 แบบก็คือการอัพโหลดขึ้นไปบน Facebook เอง หรือจะใช้การเอาลิงก์ที่ได้จาก YouTube มาโพสเป็นส่วนหนึ่งใน content บน Facebook
คำถามก็คือว่า 2 วิธีนี้ อะไรคือวิธีดีที่สุดในการสร้าง Engagement ให้กับคนที่เป็น Fan บน Facebook ?
ก่อนอื่นมาพูดถึงจำนวนในการโพสวิดิโอแบบสังเกตกันง่าย ๆ เราจะสังเกตเห็นว่า แทบจะทั้งหมดจะจะใช้วิธีการอัพโหลดวิดิโอไปไว้บน YouTube ก่อน แล้วค่อยเอาลิงก์กลับมาแชร์บน Facebook แทบทั้งสิ้ง แต่ด้วยตัวเลขจากทาง SocialBaker นั้นอ้างอิงว่าจำนวนของลิงก์จาก YouTube นั้นมีมากกว่าจำนวนวิดิโอที่อัพโหลดขึ้น Facebook ถึง 8 เท่า ณ เดือนมกราคม 2556 ซึ่งปัจจุบันอัตราส่วนน่าจะมากกว่านั้นมากแล้ว
แต่ด้วยผลการทดสอบดู Interaction ที่เกิดขึ้นโดย SocialBaker ในตอนนั้นกลับพบว่า Engagement Rate ของวิดิโอที่ถูกอัพโหลดขึ้น Facebook มี Engagement ที่สูงกว่าการโพสต์ลิงก์จาก YouTube ถึง 40% (Facebook 0.25%, YouTube 0.151%) โดยแยกผลออกมาได้ตามกราฟด้านล่าง ซึ่งถ้ามองไปแล้วความต่างก็ถือว่าไม่มากนัก
นอกจากนั้นแล้วยังมีการทดสอบอีกครั้งหนึ่งที่ใช้ระยะเวลาในการทดสอบที่ยาวกว่าถึง 3 เดือน ซึงผลก็ยังคงเป็น Facebook Video ที่มี Engagement Rate สูงกว่าเช่นเดิม ในอัตราที่ใกล้เคียงกับผลด้านบน แต่ที่น่าสังเกตคือการเข้าถึงแบบ Viral Reach ที่ Facebook Video ทำได้มากกว่าถึง 10 เท่า เลยมาช่วยดึงค่า Engagement Rate ให้สูงขึ้นนั่นเอง
แล้วถ้าไม่เอาเรื่องสถิติการทดสอบมาพูดหล่ะ ?
ถ้าให้พูดกันแบบตามเนื้อผ้าไม่เอาการทดสอบมาอ้างอิง สิ่งที่ผมพอนึกได้มีดังนี้ครับ
- YouTube ติด SEO ครับ ซึ่งได้ทั้งบน Google และบน YouTube เอง ส่วน Facebook Video ไม่มี SEO แต่สามารถค้นหาได้ภายใน Facebook ด้วย Graph Search เท่านั้น
- การแชร์ ชัดเจนมากคือ YouTube สามารถไปแชร์ตามช่องทางอื่นได้อย่างสบาย ๆ ส่วน Facebook ก็จะอยู่ในแค่ของตัวเองเท่านั้น
- Facebook Video สามารถ Tag Video ได้ ส่วน YouTube ไม่มี (อาศัยการ mention หาชื่อเพื่อนในตัวข้อความ content แทน)
- ความละเอียดในการแสดงผลของวิดิโอ Facebook มีแค่ธรรมดาและ HD ส่วน YouTube นั้นมีให้เลือกหลายระดับขึ้นอยู่กับความละเอียดสูงสุดของวิดิโอที่ upload ขึ้นไป
- การทำโฆษณาได้เปรียบแบบช่องทางใครช่องทางมัน ก็เพราะทั้งคู่มีแพล็ตฟอร์มการโฆษณาเป็นของตัวเอง
- ตัวเลขจำนวนการชมสำหรับ YouTube แล้วเราสามารถเข้าไปดูได้โดยตรงจากหน้า YouTube เอง ส่วน Facebook Video นั้นผู้ใช้งานทั่วไปจะไม่สามารถเห็นได้ แต่ตัวเลขการชมจะไปอยู่ที่หลังบ้านใน Facebook Insights ซึ่งผู้ที่เป็นผู้ดูแลจะสามารถรู้ตัวเลขได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็แสดงว่าเราจะเห็นได้แค่ความนิยมจากการกด Like, การแชร์ และข้อความ comment เท่านั้นสำหรับ Facebook Video ส่วน YouTube เห็นครอบคลุมทั้งหมดทั้งบน YouTube เองและตัวเลขที่เกิดขึ้นบน Facebook ด้วย
ตัวเลข View ที่ไม่แสดงบน Facebook Video สำคัญขนาดไหนกัน?
ผมให้ความสำคัญในแง่ความรู้สึกครับ เพราะทุกครั้งที่เราพูดถึงวิดิโอออนไลน์ สิ่งที่คนจะพูดขึ้นมาเป็นอันดับแรกก็คือตัวเลขการชมหรือเลข View นั้นเอง ซึ่งเมื่อคนทั่วไปสามารถได้ดู (แม้จะไม่เป็นแบบ real-time ก็เถอะ) ก็จะรู้สึก (ไปเอง) ว่าคลิปนี้ได้รับความนิยมขนาดไหน ยิ่งตัวเลขมาก ก็ยิ่งดึงดูดคนให้เข้ามาดูโดยอัตโนมัติ ซึ่งตัวที่มีแสดงให้เห็นก็มีเพียงแค่ YouTube เท่านั้นครับ จุดนี้เองที่จะทำให้มันแพร่หลายได้โดยง่ายกว่า และพัฒนามาเป็น KPI มาตรฐานในการวัดผล
แล้วอะไรดีกว่ากัน?
จากความเห็นส่วนตัว YouTube ก็ยังคงเป็นเครื่องมือสำหรับวิดิโอที่ดีกว่าในการแชร์วิดิโอ แต่ในแง่ของการดึงดูดคนและสร้าง Engagement และการให้คนเข้าถึงวิดิโอแล้ว Facebook Video ก็ยังกินขาด เพราะแน่นอนว่าหลังบ้านของ Facebook ย่อม(น่าจะ)ให้ความสำคัญในการทำให้การเข้าถึงข้อมูลไปยังกลุ่มคนมีสัดส่วนมากกว่าการโพส Link YouTube แบบธรรมดานั่นเอง
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของคลิปนั้นจะให้ความสำคัญของช่องทางใดเป็นหลัก หรือต้องการที่จะสร้างทั้งสองช่องทางให้ Engagement เติบโตไปด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งตัวเลือกนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ
แต่ไม่ว่าจะเลือกทางใด ถ้าเนื้อหาใน Video Content มันไม่ใช่ มันไม่โดนจริง ๆ ไม่ว่าช่องทางไหนก็ไม่มีความหมายครับ…
ที่มา: SocialBaker1, SocialBaker2, MarketingChart