เป็นผลการสำรวจดี ๆ จาก VISA ที่พบว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยเปลี่ยนพฤติกรรมสู่การชำระเงินแบบ e-Payment มากขึ้น และพกเงินในกระเป๋าสตางค์น้อยลงเพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังมีคนไทยถึง 75% รู้สึกคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์เพื่อรักษาความปลอดภัยในการทำธุรกรรม
รายงานดังกล่าวจัดทำโดย VISA ร่วมกับบริษัท Toluna ในหัวข้อเรื่อง “ทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปี 2559” ซึ่งได้ทำการศึกษาใน 6 ประเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยมีผู้ร่วมทำแบบสอบถามทั้งสิ้น 1,000 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์เป็นชาวไทยทั้งหมด 500 ราย เป็นพนักงานที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนมากกว่า 15,000 บาทต่อเดือน
ผลการศึกษาครั้งนี้พบว่า 73 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินผ่านบัตร อุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ อย่างสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สวมใส่ มากกว่าชำระผ่านเงินสด แสดงให้เห็นถึงการเลี่ยงการใช้เศษเหรียญและธนบัตรอย่างจริงจัง
โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงนับได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีการใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด (83%) เมื่อเทียบกับตลาดทั่วไป (68 เปอร์เซ็นต์) เหตุผลหลักกว่า 60 เปอร์เซ็นต์มาจากเรื่องของความไม่ปลอดภัยในการถือเงินสด และอีกเหตุผลหนึ่งคือ สามารถเข้าถึงการเบิกถอนเงินสดได้ง่ายยิ่งขึ้น (48%)
จุดสำคัญของการศึกษาชิ้นนี้อีกข้อหนึ่งคือการพบว่าธุรกิจแบบ On-Demand เช่น Food Delivery, การจองโรงแรม, การใช้บริการขนส่ง นั้นถือเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน e-Payment ที่สำคัญอย่างยิ่ง
คุณสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้บริโภคหันมาทดลองชำระเงินที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากจำนวนผู้บริโภคชาวไทย (67%) เลือกการชำระเงินแบบอัตโนมัติ ที่ลดขั้นตอนการทำธุรกรรมทางกายภาพทั้งหมด ซึ่งนวัตกรรมนี้เริ่มเข้ามาพร้อมกับตอนที่เราได้เห็นการเติบโตของระบบเศรษฐกิจออนดีมานด์ (on-demand) โดยเฉพาะในแอปพลิเคชันสำหรับการเดินทาง ทำให้ทุกคนต่างมองหาการช่องทางที่ รวดเร็ว ปลอดภัย และสะดวกโดยไม่ต้องแสดงบัตรในการชำระเงิน”
นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยยังให้ความสนใจกับเทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์ วิธีการในการยืนยันตัวตนเพื่อชำระเงิน ซึ่งกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกสบายใจในการใช้เทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์ อาทิ ลายนิ้วมือ และระบบการจดจำใบหน้า ซึ่งถือได้ว่า มีเปอร์เซ็นต์ตอบรับสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกลุ่มคนที่สนใจการระบุตัวตนด้วยไบโอเมทริกซ์จะสามารถเห็นได้ชัดในกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย โดย 79 % ของคนกลุ่มนี้ไม่มีปัญหาในการใช้ไบโอเมทริกซ์ เมื่อเทียบกับกลุ่มเจเนอเรชั่นเอ็กซ์ซึ่งอยู่ที่ 70%
“เห็นได้ชัดว่าการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ซึ่งจากนวัตกรรมที่มีอยู่แล้วอย่าง วีซ่า เพย์เวฟ ซึ่งเป็นการชำระเงินไร้สัมผัสที่มีขยายจุดรับบัตรมากขึ้นไปยัง ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์
มาร์เก็ต และร้านอาหารทั่วประเทศ เราจึงไม่แปลกใจที่เห็นผู้ทำแบบสอบถามกว่า 82 เปอร์เซ็นต์พร้อมที่จะเลือกชำระเงินแบบไร้สัมผัสมากกว่าเงินสด ถ้าร้านค้าแนะนำให้ใช้” คุณสุริพงษ์กล่าวเสริม
นอกจากนี้ จาก การสำรวจเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภค ยังแสดงให้เห็นว่า 54% ของผู้ตอบแบบสอบถามเคยใช้บริการแบบออนดีมานด์ในประเทศไทยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยมากถึง 29% ใช้บริการราว 2 – 3 ครั้งต่อเดือน โดยบริการบริการจัดส่งอาหารออนไลน์มีผู้ใช้มากที่สุดคือ 75% ถึงแม้ว่าเงินสดยังคงเป็นช่องทางการชำระเงินหลัก (71%) แต่การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์กำลังไต่อันดับตามขึ้นมา ซึ่งครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม (47%) ตอบว่าพวกเขาอาจจะลองชำระเงินผ่าน “การ์ด ออนไฟล์ (card on file)” หรือการลงทะเบียนบัตรเข้าแอพพลิเคชั่น ในขณะที่ 56% ตอบว่าพวกเขาต้องการชำระเงินเมื่อได้รับของที่สั่งแล้วด้วย โมบายวอลเล็ต (mobile wallet)
“ไม่ว่าจะเป็น โมบายวอลเล็ต เพย์เมนท์ เกตเวย์ หรือเทคโนโลยีการชำระเงิน อื่นๆ ผลสำรวจของเราได้แสดงให้เห็นว่า โดยพื้นฐานแล้ว คนไทยยังคาดหวังให้ประสบการณ์การชำระเงินของพวกเขา ปลอดภัย เร็ว และเชื่อถือได้ (82 เปอร์เซ็นต์) และด้วยเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกอย่างวีซ่า ที่สามารถประมวลและควบคุมการทำธุรกรรมได้มากกว่า 65,000 รายการภายในหนึ่งวินาที อย่างมีเสถียรภาพ จะสามารถตอบสนองความต้องการได้มากกว่าที่หวังไว้ได้อย่างแน่นอน” คุณสุริพงษ์กล่าว ปิดท้าย