วีซ่า เผยถึงผลการสำรวจที่น่าสนใจเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนด้านอุปนิสัยและพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวไทย ในยุคที่สังคมทั่วโลกกำลังปรับตัวเข้าสู่ “New Normal” หรือ “วิถีชีวิตใหม่” โดยผลการศึกษาครั้งนี้เกิดขึ้นจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างใน 40 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
จากการสำรวจพบว่า 3 ใน 5 ของคนไทย หรือประมาณ 61 เปอร์เซ็นต์ กำลังเปลี่ยนนิสัยในการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด โดยเลือกที่จะใช้จ่ายด้วยบัตรชำระเงินหรือผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมากกว่าการใช้เงินสด
นอกจากนี้ เกือบ 7 ใน 10 ของคนไทย หรือ 69 เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะผูกติดกับการใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลแทนการกลับไปใช้เงินสดแบบเดิมหลังสถานการณ์ปัจจุบันสิ้นสุดลง
นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า วีซ่า ทำการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับการปรับตัวเข้าสู่ “นิวนอร์มอล” ที่เราเชื่อว่าเป็นกุญแจสำคัญสู่ความก้าวหน้า เราจึงแบ่งปันข้อมูลอันเป็นประโยชน์นี้ เพื่อช่วยอีโคซิสเท็มและธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยเพื่อให้สามารถปรับตัวและเปิดรับสภาพที่เป็นจริงแบบใหม่ รวมทั้งช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ถูกต้องได้
แม้ว่าประชากรทั่วโลกมีความกังวลในเรื่องสุขภาพร่างกาย กระนั้นก็ยังพบว่าผู้บริโภคชาวไทยและทั่วโลกกลับมีความกังวลด้านสุขภาพทางการเงินมากกว่า โดย 79 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยเห็นพ้องว่าสถานการณ์ปัจจุบันทำให้พวกเขาจำเป็นต้องมีการปฏิบัติตัวในเชิงรุกมากขึ้นกับการวางแผนด้านกรเงิน เปรียบเทียบกับอีก 53 เปอร์เซ็นต์ ที่บ่งชี้ถึงความกังวลของพวกเขาในเรื่องการเจ็บป่วย
นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทเริ่มจับจ่ายใช้สอยผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซเป็นครั้งแรก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการซื้อสินค้าออนไลน์บ่อยขึ้นในอนาคต จากผลการสำรวจ 67 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคชาวไทย กล่าวว่า พวกเขาน่าจะมีการซื้อของออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยเป็นจำนวนเกือบเท่าตัวของนักช้อปทั่วโลก (35 เปอร์เซ็นต์) และค่อนข้างจะมากกว่าค่าเฉลี่ย (47 เปอร์เซ็นต์) สำหรับนักช้อปในแถบเอเชียแปซิฟิก
เมื่อพูดถึงประสบการณ์การช้อปปิ้ง 54 เปอร์เซ็นต์ ของกลุ่มตัวอย่างชาวไทย พวกเขามองว่า การช้อปปิ้งออนไลน์ให้ประสบการณ์ที่ดีมากกว่าการช้อปปิ้ง ณ ร้านค้าแบบเดิม เมื่อเทียบกับข้อมูลจากนักช้อป 46 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างในเอเชียแปซิฟิก และ 37 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างทั่วโลก
การศึกษาครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นด้วยว่าการเสริมสร้างนิสัยการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดกำลังก่อตัวขึ้นทั่วโลก โดย 61 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างชาวไทย กล่าวว่า พวกเขาชอบที่จะชำระด้วยวิธีที่ไม่ใช้เงินสดมากกว่า เมื่อเทียบกับ 58 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างในเอเชียแปซิฟิก และ 64 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างทั่วโลก กล่าวว่า พวกเขาก็ชอบวิธีการชำระแบบไร้เงินสดมากกว่า
แนวโน้มด้านการชำระเงินของผู้คนทั่วโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตดูจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก โดยผู้บริโภคชาวไทย กว่า 69 เปอร์เซ็นต์ เอเชียแปซิฟิก 75 เปอร์เซ็นต์ และทั่วโลก 66 เปอร์เซ็นต์ เลือกที่จะใช้วิธีการชำระแบบไร้เงินสดหลังจากสถานการณ์ในปัจจุบันสิ้นสุดลง มีเพียง 24 เปอร์เซ็นต์ ของผู้บริโภคชาวไทย ที่อยากกลับไปชำระด้วยเงินสดอีกครั้งเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น
เปรียบเทียบกับกลุ่มตัวอย่างในเอเชียแปซิฟิก 17 เปอร์เซ็นต์ และทั่วโลก 20 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้บริโภคที่เหลือยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะยังคงเลือกชำระเงินด้วยวิธีแบบใหม่นี้หรือกลับไปใช้วิธีการแบบเดิม นั่นคือ 14 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคทั่วโลก ตามมาด้วยผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิก 8 เปอร์เซ็นต์ และประเทศไทย 7 เปอร์เซ็นต์
อีกทั้งผู้บริโภคยังมีความคำนึงในเรื่องของราคามากขึ้นด้วย โดย 78 เปอร์เซ็นต์ ของคนไทย กล่าวว่า ในปัจจุบันพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องราคามากยิ่งขึ้น เทียบกับผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิก 59 เปอร์เซ็นต์ และทั่วโลก 53 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผู้บริโภคชาวไทยยังให้ความสนใจกับสินค้าลดราคา โดย 65 เปอร์เซ็นต์จะพุ่งความสนใจไปที่สินค้าปรับราคาลงมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิก 45 เปอร์เซ็นต์ และทั่วโลก 41 เปอร์เซ็นต์
ส่วนการวางแผนทางด้านการเงินก็เป็นอีกประเด็นที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ โดย 79 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยเชื่อว่ายามนี้พวกเขาจำเป็นต้องปรับตัวและให้ความสำคัญด้านการบริหารจัดการด้านการเงินของตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่ากลุ่มตัวอย่างในเอเชียแปซิฟิก และทั่วโลก ตามลำดับ