เป็นอีกครั้งของความพิเศษที่เราจะมีโอกาสได้ฟังเรื่องราวของงานสัมมนาระดับโลกจากนักพัฒนาแอพฯ บน Window Phone ชาวไทยคุณปุญญ์ จตุรพิตร Chief Creative Officer บริษัท Volevi (โวเลวี) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมาร่วมออกรายการ Thailand Can Do กับ และเมื่อไม่นานมานี้คุณปุญญ์ได้รับเชิญไปร่วมงาน Nokia World 2013 ซึ่งเป็นงานใหญ่ระดับโลกจัดขึ้นที่กรุง Abu Dhabi เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปอ่านบทความการแชร์ประสบการณ์ในงานครั้งนี้กันเลยดีกว่า
Editorial note: บทความนี้คือบทความพิเศษที่เราเรียกว่า Guest Post จากคุณปุญญ์ จตุรพิตร โดยส่งมาให้กองบรรณาธิการ thumbsup อัพโหลดขึ้นให้ชาว thumbsup อ่านโดยเฉพาะ สิ่งที่ผู้เขียนได้เขียน ไม่สะท้อนแนวคิดของกองบรรณาธิการ thumbsup เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวของ คุณปุญญ์เอง บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้เขียน ซึ่งมี thumbsup เป็นผู้เผยแพร่เดียวที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ หากต้องการนำบทความไปใช้กรุณาให้เกียรติด้วยการอ้างอิงชื่อผู้เขียนและลิงก์ กลับมายังบทความต้นฉบับ
เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา Microsoft ได้ประกาศข่าวที่ทำให้หลายคนตกตะลึง รวมถึงผมด้วย ซึ่งข่าวนั้นคือ “Microsoft ได้ตกลงเข้าซื้อกิจการโทรศัพท์มือถือของ Nokia แล้ว” ข่าวนี้ออกมาในช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย และในเช้าวันนั้นผมต้องรีบไปทำงาน ซึ่งระหว่างที่ผมขับรถไปทำงานนั้น CTO ของ Volevi ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ก็อ่านข่าวนี้ให้ผมฟังจนจบ ทำให้ผมถามกลับไปอย่างงงๆว่า “ในพาดหัวข่าว มีตรงไหนวงเล็บไว้ว่าข่าวลือบ้างรึปล่าว?” จนกระทั่งขับรถถึงที่หมาย ก็ได้นั่งอ่านรายละเอียดจนจบ ก็ได้เข้าใจว่า “สิ่งนี้มันเกิดขึ้นจริงๆแล้วสินะ” ผมก็เลยรีบเขียนอีเมลล์แสดงความตกใจไปยังทีม Developer Experience ที่ Nokia Thailand ซึ่งเป็นบริษัท Partner ที่ใกล้ชิดกับ Volevi มากที่สุด ซึ่งพี่ๆที่ Nokia ก็ตกใจกับข่าวอยู่เหมือนกัน ทุกคนก็คงอยากรู้ว่าหลังจากเป็น Microsoft แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรกับ Nokia บ้าง ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ก็ถูกเขียนวิเคราะห์ออกมาเป็นหลายบทความจากหลายสำนักข่าวในวันถัดๆไป
เช้าวันหนึ่งซึ่งถัดไปหลายอาทิตย์ ผมได้รับสายจาก Nokia ว่าคุณ Srikanth ซึ่งเป็น Head of Developer Experience ของ Nokia Asia Pacific อยากมาพบเรา…ในตอนบ่ายของวันนั้น คนกลางคืนอย่างผมก็ยอมตื่นแต่โดยดี ซึ่งSrikanth เดินทางเพื่อมาพบและเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นที่เราได้เห็นในข่าว และยืนยันว่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะถึงปีหน้า ในวันเดียวกันนั้น Srikanth ก็ได้ชวนพวกเราให้ไปร่วมงาน Nokia World ที่ Abu Dhabi ซึ่งจะเป็นโอกาสทำให้บริษัทและผลงานของเราเป็นที่รู้จักกับชาว Nokia จากทุกมุมโลก
“หนึ่งเดียวจากประเทศไทย.. เด็กๆจาก Volevi นั่นเอง”
ก่อนวันเดินทาง เราก็ได้รายละเอียดงาน สถานที่ต่างๆ และได้ทราบว่าแขกของงาน ที่เป็น developer จาก Asia จะมีกันแค่ 4 เจ้าคือ Tencent ผู้สร้าง WeChat, SophieLens, IntSig (InNote) และหนึ่งเดียวจากประเทศไทย.. เด็กๆจาก Volevi นั่นเอง และแล้วเราก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยาน Dubai ตอนเกือบ 3 ทุ่ม ออกมาสัมผัสกับอากาศที่ร้อนเท่าๆกับบ้านเราระหว่างรอรถที่ Nokia ส่งมารับผมกับคุณนวพลซึ่งเป็น CTO ของเราโดยผมชวนให้มาร่วมผจญภัยครั้งนี้ด้วย ก็ขึ้นรถพร้อมเดินทางไปยัง Abu Dhabi ซึ่งห่างจาก Dubai ไปประมาณ 150 กิโล ระหว่างทางก็ได้ชมความน่าทึ่งของสิ่งก่อสร้างต่างๆ โดยเฉพาะสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งดูเหมือนสถานีอวกาศในภาพยนตร์ Sci-Fi ซะมากกว่า มองไปเห็นตึกสูงเสียดฟ้าอันโด่งดัง เดินทางไปซักพัก เกือบถึงเมือง Abu Dhabi คนขับหันมาถามว่า ไปทางไหนต่อ เพราะคนขับบอกว่า ไม่เคยมา Abu Dhabi เหมือนกัน ปกติขับอยู่แต่ใน Dubai (อ้าว!) ผมก็เลยหยิบโทรศัพท์ Android ขึ้นมาเปิด Google Maps ที่มัน Cache map เอาไว้ (อยากหยิบ Nokia ขึ้นมาเปิด HERE Drive นะครับ แต่ทว่าลืมโหลด Map มาเก็บไว้) ตอนนี้เลยกลายมาเป็นคนบอกทางซะแล้ว ในที่สุดก็เดินทางมาถึงโรงแรมจนได้ครับ วันรุ่งขึ้นคือวันที่จะมี Keynote ตอนเช้า เราเลยต้องรีบเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น วันที่ 22 ตุลาคม ก็มี SMS มาแต่เช้าให้เราไป setup app MASTER Print Pro แอป Exclusive สำหรับผู้ใช้ Lumia 1020 ในไทย ที่เราร่วมพัฒนากับ Nokia ซึ่งจะอัพโหลดรูปไปพิมพ์ภาพขนาด 35”x25” ส่งถึงบ้าน ซึ่งแอปนี้จะอยู่ในโซน demo ในงานด้วย เราเลยไม่ได้รอรถ shuttle bus ของ Nokia ที่จะรับส่งไปสถานที่จัดงานที่โรงแรม St. Regis, Saadiyat Island แต่ก็เรียกแทกซี่กันไปเอง ราคาแทกซี่อยู่ในระดับปานกลางครับ ระยะทาง 12 กิโล ประมาณ 250 บาท สถานที่จัดงานยิ่งใหญ่มาก ผู้คนเริ่มมากันแล้ว แต่ก็ยังไม่เยอะเพราะยังเช้าอยู่ครับ
“แอพฯ ของ Volevi บน Windows Phone ทะลุ 1 ล้านดาวน์โหลดไปเรียบร้อย”
มาถึงงานเราก็ไปพบพี่เลี้ยงของเรา คุณ Srikanth นั่นเอง ซึ่งเค้าก็ได้แนะนำให้เรารู้จักกับหลายคนที่ดูแลทั้งนักพัฒนา ทั้ง Partner ของ Nokia จากทั้ง Sunnyvale และ Finland ที่เราได้เดโม่ผลงานล่าสุด “Sozoom” ของเราบน Windows Phone ที่เพิ่งเข้า Store เมื่อเช้าวันนั้นเอง โดย Sozoom เป็นแอปที่ทำขึ้นมาพิเศษสำหรับ Lumia 1020 ที่จะให้ผู้ใช้สามารถเลือกส่วนซูมของภาพขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นซูมบอลลูน เพื่อแชร์ไปยัง Social Network ให้เพื่อนๆเห็นถึงพลังในการซูม ซึ่งทุกคนที่เราได้เดโม่แอปนี้ให้ดู จะชอบมากเลย อย่าง Vice President of Marketing and Retail ของ Nokia สนใจที่จะเอา Sozoom ไปเป็นแอปสำหรับเดโม่ Lumia 1020 ใน Nokia Shop ด้วย
และในวันเดียวกันนั้น เป็นวันที่ยอดดาวน์โหลดของแอปที่พัฒนาโดย Volevi บน Windows Phone Platform ทะลุ 1 ล้านครั้งไปเรียบร้อย
“สิ่งที่น่าชื่นชมในตัว Stephen คือเขาเป็นคนที่เชื่อมั่นและภูมิใจในผลงานของบริษัทตัวเองอย่างมาก”
มาถึงเวลาของ Keynote ซึ่งมีคนมาร่วมงานกว่าหนึ่งพันคน เป็นครั้งแรกของผมเลยที่ได้เข้ามาฟัง Keynote ระดับโลกแบบสดๆ เปิดงานด้วย Stephen Elop ซึ่งผมได้ร่วมประชุมกับเขาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยฝากไว้ว่า “Instagram, Instagram, Instagram” และในวันนี้ เราน่าจะได้ยินข่าวดี
สิ่งที่น่าชื่นชมของ Stephen คือเขาเป็นคนที่เชื่อมั่นและภูมิใจในผลงานของบริษัทตัวเองอย่างมาก แถมยังรู้จักผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่นๆในวงการเดียวกันเป็นอย่างดี
“แต่สิ่งที่มาเรียกเสียงเชียร์ดังที่สุดคือ Instagram”
Stephen ก็เล่าถึงสิ่งต่างๆที่ผ่านมา และก็เปิดตัวโทรศัพท์ใหม่ๆ ทั้ง ASHA และ Lumia โดยมี Lumia 1520 ที่มีจอขนาดใหญ่ที่มีฟีเจอร์ที่น่าเกรงขามอย่างการถ่ายวิดิโอที่บันทึกเสียงแบบกึ่งเซอร์ราวด์รอบทิศทาง และ Lumia 2520 ซึ่งเป็น Tablet Windows RT เครื่องแรกของ Nokia แต่สิ่งที่มาเรียกเสียงเชียร์ดังที่สุดคือ Instagram บน Windows Phone
ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า Windows Phone ยังตามหลังเรื่อง Application มากพอสมควร ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าเมื่อใด Windows Phone จะมีแอป “ครบ” ในนิยามของผู้บริโภคเหมือน platform อื่นๆเสียที
ช่วงสุดท้ายของ Keynote Stephen ได้พูดถึงบทต่อไปของ Nokia ซึ่งจะไปอยู่ในอ้อมแขนของ Microsoft โดยเขาเชื่ออย่างยิ่งว่าการพัฒนาทั้ง Software และ Hardware จะเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้นโดยปราศจากอุปสรรคที่เคยเกิดขึ้นตอนแยกกันเป็นสองบริษัท (ซึ่งเห็นได้ชัดใน Lumia 1020 ที่สามารถเปิดดูภาพถ่ายขนาดใหญ่ผ่านแอปของ Nokia เท่านั้น เพราะแอพถ่ายภาพและอัลบั้มรูปของ Windows Phone ยังไม่รองรับไฟล์ภาพที่ขนาดใหญ่กว่า 16 เมกะพิกเซล)
หลังจาก Keynote พวกเราก็จะต้องไปประชุมกับผู้บริหารของ Nokia แผนกต่างๆ ทั้ง Sales, Marketing, Device and Hardware ซึ่งทุกคนนั้นชื่นชอบผลงานของเรา และทุกคนชื่นชอบประเทศไทย ซึ่งบอกว่าเป็นประเทศที่สวยงาม ผู้คนเป็นมิตร และที่สำคัญอาหารอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ ในช่วงการประชุม เราก็เสนออะไรหลายๆอย่าง ที่ Nokia สามารถทำได้ดีกว่านี้ จากทั้งมุมมองของผู้บริโภคและนักพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องของการตลาด ซึ่งโดยปกติ Nokia จะมี theme Marketing มาจาก Nokia Global อยู่แล้ว แต่เราพบว่ามันค่อนข้างเข้าใจยากและไม่เหมาะกับตลาดอย่างประเทศไทยซักเท่าไร เช่นป้ายเหลืองที่มีหลุมดำตรงกลาง ซึ่งเป็นภาพถ่ายระยะใกล้ของ Lumia 1020 ที่จะสื่อว่ากล้องของโทรศัพท์รุ่นนี้สามารถถ่ายภาพได้ชัดและใหญ่เหมือนถ่ายอยู่ใกล้ๆเลยทีเดียว ซึ่ง Senior Vice President ของ Nokia Asia Pacific ก็เห็นด้วยและเล่าให้พวกเราฟังว่าทีม Nokia Thailand ก็เสนออะไรหลายๆอย่างมาเหมือนกัน ซึ่งต้องรับฟังเพราะทีมที่ไทยทำยอดขายได้ดีมาก
เราก็ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของ Nokia กับ Microsoft ซึ่งก็ได้ใจความว่า เมื่อเรารวมกันแล้ว ทุกอย่างในแผนกของ Nokia ที่ถูกซื้อจะย้ายไป Microsoft เนื่องจาก Microsoft ยังไม่เชี่ยวชาญกับวงการโทรศัพท์มือถือซักเท่าไร โดยคนของ Nokia จะทำหน้าที่ต่อไป นำไปสู่การพัฒนา Hardware และ Software ที่ไร้รอยต่อ โดยสมาร์ทโฟนรุ่นต่อไปอาจจะไม่ได้เรียกว่า Nokia แล้ว แต่จะสร้างแบรนด์ขึ้นมาใหม่ที่ใช้เรียก Smartphone และ Tablet โดยยังไม่ได้สรุปว่าชื่ออะไร
สิ่งที่ผมนับถือในตัวผู้บริหารของ Nokia ที่ผมพบทุกคนคือเขาถามและรับฟังข้อคิดเห็นต่างๆ ที่เรามีและอยากให้ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง โดยไม่ได้สนใจว่าเราจะมีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนั้นๆหรือไม่
และแล้วก็หมดสองวันที่ Nokia World Abu Dhabi ตั้งแต่ Keynote ไปจนถึงหลายประชุมในวันแรกและวันที่สอง เป็นประสบการณ์ที่สนุก เหนื่อยและได้ประโยชน์เป็นอย่างมากแก่บริษัทน้องใหม่อายุ 1 ปีนิดๆ อย่าง Volevi บริษัทที่เชื่อมั่นใน Windows Phone และมี partner ที่สนับสนุนดีตลอดมาอย่าง Nokia โดยเฉพาะทีม Developer Experience ที่ไทย และ Asia Pacific ทำให้เราเตรียมออกผลงานอีกมากมายสู่สายตาชาวโลก และหวังอย่างยิ่งว่า Nokia ภายใต้อ้อมแขนใหม่ของ Microsoft จะทะยานขึ้นมาอยู่สูงเสียดฟ้าเหมือนตึก Burj Khalifa ที่ดูไบอีกครั้งครับ
ประวัติ ปุญญ์ จตุรพิตร
ปุญญ์จบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ โดยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็น Chief Creative Officer ของบริษัท Volevi ตั้งแต่ยังศึกษาอยู่ปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัย บริษัทนี้ถือกำเนิดจากความหลงไหลและสนใจในตัวแพลตฟอร์ม Windows Phone เป็นหลัก และอยากที่จะมาช่วยสร้าง Ecosytem นี้ให้เติบโตมากขึ้น ปัจจุบัน Volevi เป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาแอพพลิเคชันบน Windows Phone ชั้นแนวหน้าของโลก และมีแอพฯ ชื่อดังๆ อย่าง Ciel และ Marmelo เป็นตัวชูโรง