ในวันที่ธุรกิจสมาร์ทโฟนเริ่มอยู่ในภาวะอิ่มตัว ยอดขายไม่หรูหราฟู่ฟ่าเหมือนเมื่อ 5 – 7 ปีก่อน แม้ว่าผู้ผลิตต่างสรรหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาให้มากมายก็ตาม จึงไม่แปลกที่บรรดาบริษัทวิจัย จะมองหาตลาดใหม่ ๆ ที่คาดว่าน่าจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงมาให้จับตากันแทน
ส้มจึงหล่นลงที่ธุรกิจ VR (virtual Reality) Headset ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นตลาดใหม่ที่น่าจับตามองอย่างมากในปีวอก เรื่อยไปจนถึงปีชวด (ค.ศ. 2020) เลยทีเดียว
โดยในปีนี้ (ค.ศ. 2016) ไอดีซีได้ออกมาคาดการณ์แล้วว่า VR Headset อาจมียอดขายสูงถึง 2 ล้านชิ้น ซึ่งช่วงที่ตลาด VR Headset จะทำยอดขายสูงสุดตามการคาดการณ์ของไอดีซีนั้นคือช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งมีทั้งเทศกาลคริสต์มาส และการฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่รออยู่นั่นเอง
ไอดีซียังเผยว่า การเติบโตของธุรกิจ VR Headset ส่วนหนึ่งมาจากตลาดเกมที่ผู้บริโภคเริ่มมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้การเล่นเกมสนุกเร้าใจมากขึ้น
หันมาดูในฟากผู้ผลิต ซึ่งอาจแบ่งประเภทของ VR Headset ได้เป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ฝั่งแรกคือประเภท Tethered ซึ่งจะทำงานร่วมกับเกมคอนโซล หรือคอมพิวเตอร์ เพื่อดึงภาพมาแสดงผลบนหน้าจอ Headset ผู้ผลิตที่อยู่ในตลาดนี้ ได้แก่ Headset ของค่าย Oculus Rift (เปิดตัวเมื่อ 28 มีนาคมที่ผ่านมา) ตามมาด้วย Headset ยี่ห้อ Vive ของค่าย HTC และสุดท้ายกับ PlayStation ของค่าย Sony ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่าย VR Headset ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
VR Headset อีกประเภทหนึ่งคือ กลุ่ม “Screenless” กลุ่มนี้จะอาศัยสมาร์ทโฟนเป็นตัวแสดงผล ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดคือ Gear VR ของ Samsung ซึ่งไอดีซีมองว่า VR Headset กลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตสูงกว่ากลุ่ม Tethered เนื่องจากความสามารถของตัวสมาร์ทโฟน (ที่จะมาทำหน้าที่เป็นหน้าจอของเครื่อง) นั้นมีมากกว่า เช่น ความละเอียดของหน้าจอที่สูงกว่า และการมีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตา เป็นต้น จึงคาดว่าในปีนี้จะมีอีกหลายแบรนด์เปิดตัว VR Headset ประเภท Screenless เช่นกัน
อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ด้วยว่า ในปี ค.ศ. 2020 ธุรกิจ VR Headset นี้อาจมียอดขายพุ่งทะลุ 64.8 ล้านชิ้นเลยก็เป็นได้
แม้ VR Headset จะเป็นประสบการณ์ใหม่ในโลกเทคโนโลยี แต่สำหรับบางคน การสวมอุปกรณ์ประเภทนี้ก็อาจทำให้มึนหัว ปวดขมับกันได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
ที่มา BBC