เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่ฮือฮาอยู่ไม่น้อยสำหรับเกม Pokemon GO จากบริษัท Pokemon Company ที่จับมือกับค่าย Nintendo และทีม Niantic ผู้พัฒนาเกมออนไลน์ที่ใช้เล่นบนโลกเสมือนจริง โดยผู้เล่นจะต้องตามจับเหล่าโปเกมอนจากการใช้สมาร์ทโฟนที่อิงกับตำแหน่งสถานที่จริง
ปัจจุบันมี active user หรือผู้เล่นเกม Pokemon GO จำนวนมากกว่าผู้ใช้ Twitter เสียแล้ว แม้เกมนี้จะเปิดให้ผู้เล่นเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอเมริกาเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าคนไทยเรายังต้องรอไปก่อน ด้วยจำนวนผู้เล่นมหาศาลในเวลาเพียงไม่นาน Pokemon GO จึงเป็นสิ่งที่ถูกจับตามองจากแบรนด์ต่างๆ ในด้านการทำ Digital Transformation
Pokemon GO เป็นส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับผู้บริโภค เพราะได้ทั้งความสนุกสนานและยังเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขาอย่างการเดินตามหาโปเกมอนตามสถานีรถไฟฟ้าหรือสถานที่ต่างๆ (อาจมีโปเกมอนซ่อนอยู่ในออฟฟิตของคุณก็เป็นได้) ร่วมกับการใช้สมาร์ทโฟน แม้ว่าก่อนหน้านี้ค่าย Nintendo จะมีชื่อเสียงจากตลาดเกมที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟนด้วยซ้ำไป แถมช่วงแรกยังต่อต้านตลาดเกมบนสมาร์ทโฟนอีกด้วย แต่ในที่สุดบริษัทก็ต้านทานแนวโน้มของตลาดโลกไม่ไหว จึงได้ลงมือพัฒนาธุรกิจที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในที่สุด หลังจากการเปิดตัวเกม Pokemon GO ทำให้หุ้นของ Nintendo พุ่งทะยานเพิ่มขึ้นถึง 58% แสดงให้เห็นว่าการปรับตัวตามเทรนด์ของตลาดนั้นถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด แม้ว่าสถานการณ์นั้นจะไม่ได้สอดคล้องกับสินค้าในแบรนด์ของคุณเลยก็ตาม
แม้ว่า Pokemon GO จะไม่ใช่เกมแนว AR หรือ Augmented Reality เกมแรกที่มีการเปิดตัว แต่เพราะอะไรการตามหาเจ้าโปเกมอนเกมนี้ถึงประสบความสำเร็จมากที่สุด? นั่นเป็นเพราะการผนวกเรื่องราวของแบรนด์เข้าไป ร่วมกับการพัฒนาเทคโนโลยีให้ผู้เล่นมีส่วนร่วม จึงทำให้ Nintendo ก้าวสู่อันดับหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
Google Glass พยายามที่จะเป็นมากกว่าอุปกรณ์เสริมสำหรับกลุ่มผู้ใช้งาน ในขณะที่ผู้เล่น Pokemon GO นั้นมีความสุขกับการมีส่วนร่วมในเทคโนโลยี AR เช่นเดียวกับผู้ใช้ Snapchat ที่ใช้ฟิลเตอร์แต่งรูปอย่างสนุกสนาน หรือจะเรียกได้ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆนั้นต้องการแบรนด์มารองรับ เพื่อทำการใส่ story ลงไป จึงจะได้ส่วนผสมที่ดีที่สุด
เอาเป็นว่าสำหรับชาวไทยก็ต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจากค่าย Nintendo เสียก่อน คาดว่าคงอีกไม่นานเกินรอจะมีเจ้าโปเกมอนให้ตามจับอยู่ทั่วสยามก็เป็นได้
ที่มา : Econsultancy