เมื่อปลายปี 2012 Microsoft เคยออกมายืนยันการปิดตัวของ MSN Messenger หรือ Windows Live Messenger แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถปิดบริการในประเทศจีนได้สักทีเพราะฐานผู้ใช้ก็เยอะอยู่ จนวันนี้รายงานข่าวจาก The Verge ระบุว่า Microsoft ได้ออกมาเผยอีกครั้งว่าจะปิดบริการในจีนในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ โดยย้ายผู้ใช้ทั้งหมดไปที่ Skype จึงนับได้ว่านี่จะเป็นการปิดตำนาน 15 ปีอย่างเป็นทางการทั่วโลก เราเลยขอสรุปประวัติ และสิ่งที่เราเรียนรู้จาก MSN ไว้ ณ ที่นี้ครับ
MSN Messenger เริ่มต้นขึ้นในปี 1999 ทาง Microsoft เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวนี้เพื่อออกมาแข่งขันกับ ระบบ Instant Messaging ของ AOL ที่ชื่อว่า AIM (รวมถึง ICQ ที่เราคุ้นเคย ก็เป็นของ AOL เช่นกัน) แต่ยุคนั้นการขยายตัวในการใช้อินเทอร์เน็ตยังคงเป็นการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ Desktop เป็นหลัก ทาง Microsoft ก็ใช้กลยุทธ์ในการแถมเอา MSN ใส่มาให้ใน Windows เป็นค่าตั้งต้นเลย
การแข่งขันของ Microsoft กับ AOL ในสงคราม Chat เป็นไปอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างพยายามแย่งผู้ใช้ซึ่งกันและกัน รวมถึงพยายามเข็นคุณสมบัติใหม่ๆ ออกมาสู้กัน ไม่ว่าจะเป็น Emoticon ที่ให้ผู้ใช้แปลงเองได้, การเล่นเกม Minesweeper กับเพื่อนได้, ระบบ nudge (หรือสั่น) แกล้งเพื่อน คล้ายๆ กับ Facebook Poke ในปัจจุบัน รวมถึงตัว winks ที่ส่ง Animation จนท้ายสุด MSN ก็ชนะไปในที่สุด
ในเมืองไทยเองยุคนั้น MSN ก็มีการขายโฆษณาบนแท็บทางด้านซ้ายมือ ดูรูปด้านล่างนี้เพื่อย้อนความทรงจำกันหน่อยนะครับ
จะเห็นได้ว่ามีการขายแบนเนอร์ด้านล่าง และมีการทำ Channel deals ด้านซ้ายด้วย อย่างธนาคารกรุงเทพก็เข้ามาร่วมอยู่ตรงนี้ด้วย
ในยุคนั้นการขายโฆษณาของ MSN ทำผ่านเอเยนซี่โฆษณาดิจิทัลที่ชื่อว่า Impaq Interactive ของพี่น้องศรีวรกุล (ผมยังจำได้ตอนนั้น Tiwa York ผู้บริหารปัจจุบันของ OLX เป็นคนเอามาขายผมเอง นึกแล้วยังขำอยู่) ที่ได้รับงานการบริหารเว็บไซต์ MSN ประเทศไทยควบมาด้วย ยุคนั้นต้องเรียกว่าใครก็ตามที่ไม่ “ออนเอ็ม” หรือบอกเพื่อนว่า “เอ็มมาคุยนะ” คงเชยน่าดู แบรนด์ไหนไม่พิจารณาลงโฆษณาบน MSN ล่ะก็น่าจะเสียโอกาสไปเยอะทีเดียว
แต่ต่อมาเมื่อเกิด Facebook ขึ้น MSN Messenger ก็เริ่มได้รับความนิยมน้อยลง บนมือถือคนก็มีทางเลือกในการใช้หลายแอปฯ ไม่ว่าจะเป็น WhatsApp, LINE, WeChat, ChatON, BeeTalk, Skype และหรือแม้กระทั่งช่วงหนึ่งที่คนแห่แหนกันขอ BB Pin บน BlackBerry ต่างพาเหรดกันเข้ามาจนสงครามแอป Chat ดุเดือดเลือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง แม้แต่ Microsoft เองก็เข้าไปถือหุ้น Facebook เล็กๆ และเอาบริการ Skype ไปผูกกับ Facebook เพื่อหวังต่อยอดฐานผู้ใช้ตัวเองในอนาคต
ท้ายสุด เราเรียนรู้อะไรจากการจากไปของ MSN Messenger? ความเห็นผมมีดังนี้ครับ
- ในยุคนี้ Desktop อย่างเดียวอยู่ไม่รอด ต้องไปได้บน Mobile เราคุยกันเรื่อง Mobile มาหลายปี ปีนี้คงได้เห็นแล้วว่า Mobile สำคัญกว่า Desktop ขึ้นเยอะ แต่ประเด็นคือจะหารายได้บน Mobile ได้อย่างไรบ้าง ที่เห็นเป็นรูปธรรมในยุคนี้คือการเอา Game เข้ามาขาย In app-purchase
- ไม่มีใครอยู่ยั่งยืนยงตลอดไป ใครมาแรงแค่ไหน วันหนึ่งก็จะมีแผ่วลงเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ใช้อย่างเราๆ ก่อนจะเลือกใช้แพลตฟอร์มไหน ควรแน่ใจว่าสามารถเก็บความทรงจำต่างๆ พวกนี้ได้ ไม่ใช่ว่าให้มันตายไปกับแพลตฟอร์มนั้นๆ
- แพลตฟอร์มการสื่อสารต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่ “Chat Application” แต่ท้ายที่สุดผู้ใช้ต้องการเครื่องมือในการสื่อสารที่สนุกสนานกับเพื่อนได้ง่ายและสะดวกที่สุด การทำแพลตฟอร์มการสื่อสารเหล่านี้ออกมาจึงต้องมีบริการต่างๆ ให้ใช้มากพอ ไม่ว่าจะเป็น Game, เพลง, หนัง ฯลฯ ที่ทำให้ชีวิตเราสนุกสนานขึ้นได้ สรุปสั้นๆ ทุกอย่างกำลังหลอมรวมกันนั่นเอง
แล้วคุณล่ะครับ คิดอย่างไร คิดว่าเราเรียนรู้อะไร แชร์กันนะครับ