ถือเป็นการพัฒนาที่น่าสนใจของWhatsApp แอปพลิเคชันส่งข้อความรายใหญ่จากค่าย Facebook กับการเปิดตัวคุณสมบัติใหม่ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งาน “ลบ” ข้อความที่ตนเองส่งไปผิดกลุ่ม หรือส่งไปยังผู้รับผิดคนได้แล้ว
โดยที่ผ่านมา การใช้แอปพลิเคชันส่งข้อความเหล่านี้ หลายคนมักพบเจอเหตุการณ์น่ากระอักกระอ่วนใจอยู่บ่อยครั้ง กับการส่งภาพหรือข้อความผิดกลุ่ม หลายต่อหลายครั้งยังนำมาซึ่งดราม่าอื้อฉาวกับการทำให้ภาพหรือข้อความที่ไม่ควรเปิดเผยไปอยู่ในมือของบุคคลภายนอก แต่สำหรับ WhatsApp การเปิดตัวคุณสมบัตินี้คาดว่าจะทำให้ผู้ใช้งานกว่า 1 พันล้านคน (ตัวเลขเมื่อวันที่ 26กรกฎาคม 2017) วางใจได้แล้วว่าจะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ส่วนความสามารถก็เป็นไปตามชื่อ Delete for everyone นั่นคือ นอกจากมันจะลบจากเครื่องของผู้ส่งแล้ว ในเครื่องของผู้รับก็จะถูกลบไปด้วย
โดย WhatsApp ได้อธิบายรูปแบบการใช้งานคุณสมบัตินี้ว่า ผู้ใช้งานจะสามารถลบข้อความที่เผลอส่งผิดได้ภายใน 7 นาทีที่กดส่งไปเท่านั้น ถ้าหลังจากนี้จะไม่สามารถลบได้ด้วยฟีเจอร์ Delete for all อีกแล้ว สำหรับหน้าจอก็จะปรากฏข้อความว่า “This message was deleted” (ข้อความนี้ถูกลบแล้ว) ขึ้นมาแทนทั้งทางฝั่งผู้ส่งและผู้รับ
แม้จะไม่เกี่ยวกันเสียทีเดียว แต่คงต้องบอกว่า ฟีเจอร์ของแอปพลิเคชัน Social Media ชนิดที่ว่าโพสต์แล้วตามลบได้นั้น กำลังเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องการมากเป็นอันดับต้น ๆ และบ่อยครั้งที่การโพสต์แบบสามารถลบได้เองในภายหลังนั้นจะมีผู้เข้าไปมีส่วนร่วมมากกว่าการโพสต์ชนิดอื่น ๆ ซึ่งนั่นหมายถึงเขาหรือเธอได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งทีคนยุคใหม่ต้องการไม่แพ้กัน
โดยผู้ที่เห็นเทรนด์นี้ และเปิดให้บริการแต่เนิ่น ๆ คือ Snapchat ก่อนจะมี Instagram ฯลฯ ตามมาในภายหลัง ซึ่งเป็นไปได้ว่า บรรดาแพลตฟอร์ม Social Media เห็นความจริงข้อนี้ และทราบว่าหากคุณสมบัตินี้เป็นที่ต้องการของคนรุ่นใหม่บน Social Media แล้ว แอปพลิเคชันที่ผูกพันเป็นเงาตามตัวกันอย่างแอปพลิเคชันส่งข้อความก็ควรจะรองรับความสามารถนี้ได้ด้วย เพื่อให้ประสบการณ์ในการใช้งานนั้นเป็นไปอย่างลื่นไหลนั่นเอง
สำหรับสถิติการใช้งาน WhatsApp ในปัจจุบันนอกจากตัวเลขผู้ใช้งานหลักพันล้านคนแล้ว ยังพบว่า WhatsApp มีการแชร์ภาพบนเครือข่ายถึง 4.5 พันล้านครั้งต่อวัน รองรับได้ 60 ภาษา มีการส่งข้อความระหว่างกัน 55 ล้านข้อความใน 1 วัน รวมถึงมีการแชร์คอนเทนต์วิดีโอ 1 พันล้านครั้งต่อวันด้วย
ที่มา
9to5mac.com
TechCrunch