กลายเป็นข่าวใหญ่ในชั่วข้ามคืนสำหรับการประกาศซื้อร้านสาขา KFC ของ Yum Restaurants International (ประเทศไทย) จำนวน 240 แห่ง รวมถึงสาขาที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ด้วยมูลค่า 11,300 ล้านบาท หรือประมาณ 339 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการประกาศครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ทำให้ไทยเบฟสามารถขยายอาณาจักรเข้าสู่ธุรกิจอาหารที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในอนาคตด้วย
เหตุที่กล่าวเช่นนั้นเพราะหากพิจารณาถึงข้อความที่ผู้บริหารของไทยเบฟเวอเรจอย่างคุณนงนุช บูรณะเศรษฐกุล มือดีด้านธุรกิจอาหารของกลุ่มไทยเบฟ เปิดเผยถึงดีลการซื้อกิจการร้านสาขาในครั้งนี้จะพบว่า ไทยเบฟมองเห็นโอกาสในแบรนด์ KFC อยู่มากพอสมควร โดยมองว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่จะช่วยให้ไทยเบฟ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น แถมยังเป็นผู้บริโภคทั่วประเทศ ซึ่งไทยเบฟอาจเป็นกลุ่มธุรกิจที่ต้องการข้อมูลในส่วนนี้มากกว่าใคร สำหรับนำไปปรับใช้เพื่อให้ทางกลุ่มสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ธุรกิจหลักของไทยเบฟนั่นเอง
อีกจุดหนึ่งที่เป็นจุดแข็งของ KFC คือเทคโนโลยีและการเป็นผู้นำเทรนด์ที่มีความใกล้ชิดกับผู้บริโภคยุคใหม่อย่างมาก
ขณะที่ผลการวิจัยของ Nielsen Thailand ระบุว่า KFC เป็นแบรนด์ผู้นำในตลาด Quick restaurant ของประเทศไทย ซึ่ง Nielsen พิจารณาจากส่วนแบ่งตลาดและจำนวนของร้านสาขาที่พบว่า KFC มีการขยายสาขาอย่างรวดเร็วมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ด้วย
โดยหลังจากซื้อกิจการ ส่วนของ Yum Restaurants International จะย้ายไปดูแลงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นหลัก
สำหรับตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2017 กลุ่มไทยเบฟมีบริษัทลูก 131 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยโรงกลั่นสุรา 18 แห่ง โรงงานผลิตเบียร์ 3 แห่ง โรงงานผลิตเครื่องดื่มกลุ่ม non-alcoholic อีก 11 แห่ง โดยมีจุดจำหน่ายสินค้ากระจายทั่วประเทศถึง 400,000 จุด และมีโรงงานในสก็อตแลนด์อีก 5 แห่ง กับที่จีนอีก 1 แห่งด้วย
สำหรับแบรนด์สินค้าภายใต้กลุ่มไทยเบฟที่รู้จักกันดีได้แก่ โออิชิ กรีนที, เอส โคลา, น้ำดื่มคริสตัล, เบียร์ช้าง, แสงโสม, แม่โขง, หงษ์ทอง นอกจากนั้นยังมีในส่วนของร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นอย่างโออิชิด้วย ซึ่งพิจารณาแล้วเป็นไปได้ว่าดีลการซื้อร้านสาขา KFC 240 แห่งนี้จะเข้ามาเติมเต็มในด้านข้อมูลอุตสาหกรรมอาหารให้กับไทยเบฟได้เป็นอย่างดี
ที่มา: Thaibev