แม้ Instagram จะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่หลายๆ คนยังสงสัยว่า Instagram นั้นสามารถสร้างยอดขายให้แบรนด์ และผู้ค้าปลีกได้อย่างไร ในเมื่อ Instagram นั้นมีข้อจำกัด ทำให้สามารถดึงกลุ่มเป้าหมายไปยังหน้าเว็บไซต์เพื่อการซื้อ-ขายได้ยาก
สำหรับผู้ค้าปลีกหลายๆ ราย พวกเขาใช้ Instagram เป็นช่องทางในการโปรโมทแบรนด์ และสินค้า แต่สำหรับผู้ค้าสินค้าออนไลน์ บางกลุ่ม พวกเขาอาจมีวิธีการใช้ Instagram เพื่อสร้างรายได้ที่ต่างไป อย่างเช่น West Elm, Bauble Bar และ Alex and Ani พวกเขาได้ใช้ วิดเจ็ตที่มีการดึงภาพของลูกค้าที่ใช้สินค้าของทางแบรนด์ และได้ติดแท็กของพวกเขามายังวิดเจ็ตดังกล่าว ที่พวกเขาสามารถแยกแยะสินค้าในภาพว่าพวกเขาใส่สินค้าชิ้นใด เพื่อโปรโมทสิค้าชิ้นนั้นต่อไป
อย่างเช่นตัวอย่างในภาพ ซึ่งมาจากร้านเครื่องประดับ “Bauble Bar” พวกเขาได้ใส่วิดเจ็ตไว้บนหน้าแรกในเว็บไซต์ของพวกเขา เพื่อแสดงภาพของลูกค้าที่สวมใส่สินค้าชิ้นต่างๆ ของพวกเขา ซึ่งเมื่อคุณกดไปยังภาพที่คุณสนใจ จะมีป๊อปอัพเพจแสดงภาพ,ชื่อสินค้า และลิงก์ที่ผู้เข้าเว็บไซต์สามารถเข้าไปซื้อสินค้าแบบเดียวกันกับที่บุคคลในภาพสวมใส่ได้อีกด้วย
ซึ่ง Daniella Yacobovsky, co-founder แห่ง Bauble Bar ได้เผยว่า 30 – 35% ของผู้เข้าเว็บไซต์ของพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับวิดเจ็ตดังกล่าว และพวกเขาสามารถสร้างรายได้จากกลุ่มคนที่ใช้งานวิดเจ็ตดังกล่าวมากถึง 4 ถึง 4.5 เท่าของกลุ่มคนที่ไม่ใช้งานวิดเจ็ต
นอกจาก Bauble Bar แล้ว West Elm ผู้ค้าสินค้าสำหรับการตกแต่งบ้านก็ได้ใช้วิดเจ็ตดังกล่าวบนเว็บไซต์ของพวกเขาเช่นกัน ผู้ที่สนใจสินค้าของพวกเขาสามารถเลือกฟิลเตอร์ เพื่อชมภาพการแต่งห้องของลูกค้า West Elm คนอื่นๆ ตามประเภทห้องในบ้าน อย่างเช่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องอาหาร ฯลฯ ได้เช่นกัน
Abigail Jacobs รองประธานฝ่ายการตลาดของ West Elm เผยถึงการใช้ภาพจาก Instagram ว่าสินค้าขายดี และภาพบนInstagram นั้นมีความเกี่ยวโยงกัน แม้ Pinterest จะสามารถดึงลูกค้าเข้ามาได้มากกว่า แต่คงอีกไม่นาน หาก Facebook สามารถกำหนดแนวทางการดำเนินการของ Instagram ได้ นอกจากนี้ Pau Sabria, co-founder แห่ง Olapic ผู้พัฒนาวิดเจ็ตดังกล่าวยังได้เผยว่า แบรนด์ต่างๆ ที่ใช้งานวิดเจ็ตของพวกเขาต่างก็ได้เห็นกลุ่มผู้สนใจสินค้าที่กลายเป็นกลุ่มลูกค้ามากขึ้นเมื่อเริ่มใช้งานวิดเจ็ตดังกล่าวมากขึ้น 5 – 7% ขณะเดียวกันยอดการสั่งซื้อสินค้าของแบรนด์ต่างๆ โดยรวมก็มากขึ้นถึง 2% อีกด้วย
Ryan Bonifacino, รองประธานฝ่าย Digital strategy แห่ง Alex and Ani ยังได้เผยถึงข้อได้เปรียบของ Instagram เมื่อเทียบกับ Pinterest ว่า บน Facebook นั้นมีจำนวนผู้ใช้งานที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมากกว่า ที่นักการตลาดสามารถส่งสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น และเพราะ Facebook เป็นเจ้าของ Instagram หาก Facebook ทำได้ เขาเชื่อว่าในอนาคต Instagram ก็จะต้องมีประสบความสำเร็จเช่นกันอย่างแน่นอน
ที่มา : Digiday