คนที่ติดตามรายการและกระแสโซเชียลในคืนวันพฤหัสที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา น่าจะพอรู้ว่ากระแสของรายการ The Mask Singer ที่ไปในทิศทางที่ไม่สู้ดีนัก เราคงไม่พูดถึงเรื่องนี้เพราะหลายๆ ท่านน่าจะพอทราบกันแล้ว แต่เราจะมาพูดถึงการชิงจังหวะการสร้าง Content หรือเนื้อหาในคืนวันนั้น ในขณะที่คนกำลังดราม่ากัน ด้วยฝีมือของ “วงใน”
อ่านบทสัมภาษณ์ทีมดูแล Content และ Social แห่ง วงใน ที่นี่ http://thumbsup.in.th/2016/02/interview-content-and-social-team-wongnai/
หากจะให้คิดถึงเว็บไซต์ที่สร้างสรรค์ Content ที่เกี่ยวข้องกับบริการของตัวเอง ผมถือว่า Wongnai หรือ วงใน ผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหาร คือเป็นผู้นำเบอร์ต้นๆ ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะแบบ Real-Time หรือทันกระแสปัจจุบัน หลายครั้งที่เราเห็นการหยิบยกเอาเรื่องที่กำลังพูดถึงมาปั้นให้เป็น Content ของตัวเองในแบบ Creative และก็กลายเป็นกระแสของการทำ Content แบบนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ
The Mask Singer ก็ไม่รอดพ้นฝีมือของวงในเช่นกัน
บอย ภัทราวุธ CTO แห่งวงใน ได้การแชร์ข้อมูลในการคิดทำ Content ในกลางดึกหลังท่ามกลางกระแสของดราม่าที่กระพืออยู่บน Facebook ส่วนตัวของเรา
สรุปโดยคร่าวๆ คือ วงใน คิดจะทำ Content ล้อดราม่านี้อยู่แล้ว แต่ด้วยข้อมูลที่มีว่า วง Room 39 ที่มี (ว่าที่) หน้ากากทุเรียน ที่เพิ่งจะชนะและจบการถ่ายทำรายการสดมาใหม่ๆ จะมาเล่นคอนเสิร์ตที่ผับแห่งหนึ่ง ณ เวลานั้นตัดสินใจที่จะไปที่ร้านนั้นด้วยความคิดที่จะทำ Live ช่วงที่ ทอม Room 39 ร้องเพลง บอยและทีมวงก็ในพากันไปที่ร้านทันที ด้วยความคิดในไม่กี่วินาที
ในด้านการโปรโมท ด้วยความที่มีความคิดที่จะ Live แบบด่วน ดังนั้นทีมเลยมีการพูดคุยกันทันทีในเรื่องการโปรโมท และเตรียมพร้อมทันที จากนั้นก็ทำการ Live พร้อมกับปิดยอดการชมกว่าแสนวิว (ปัจจุบันที่เขียนขึ้นไปที่ล้านวิวรวมการชมย้อนหลัง)
ผมมองเห็นประเด็นหลักๆ ในการทำ Content ที่วงในทำในครั้งนี้ ดังนี้
- Speed & Prompt ทุกอย่างทำด้วยความเร็วและพร้อมเสมอ โดยเฉพาะด้าน Content ที่ต้องมีเรื่องนี้
- Passion ความอยากที่จะทำ ไม่ใช่ว่าต้องเป็นการฝืนใจทำ
- Creativity การทำ Content ไม่จำเป็นต้องทำในรูปแบบเดิมๆ เสมอไป ดูว่าแบบไหนน่าทำ น่าลอง และน่าจะเหมาะสม ก็ลุยเลย
- Risk กล้าได้กล้าเสีย เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไร แต่การได้ลองทำ ยิ่งดีกว่าเอาแต่คิดแต่ไม่ได้ลงมือ แต่ต้องมีเหตุผลเพียงพอที่จะเสี่ยง ไม่ใช่เสี่ยงไปเรื่อย
- Team สำคัญมากๆ เพราะเราคงทำงานไม่ได้แน่ๆ แค่คนเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของคนในทีม
ซึ่งทั้งหมดผมมองว่านี่คือลักษณะเด่นของทีม วงใน จริงๆ
บทความนี้ไม่ใช่โฆษณา แต่อยากให้เห็นวิถีการทำงานที่น่าจะเอาไปปรับใช้งานได้ในบางมุมครับ