Site icon Thumbsup

เมื่อ Workation เทรนด์การทำงานของคนยุคใหม่ ที่ฝ่ายบริหารควรวางแผนให้ตรงจุด

การทำงานที่บ้านแบบไม่ต้องออกไปไหนแต่ทำผ่านอินเทอร์เน็ต กลายเป็นชีวิตการทำงานรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่าทำงานหนักกว่าตอนอยู่ออฟฟิศเสียอีก จึงทำให้หลายองค์กรเริ่มนำแนวคิดการทำงานแบบไฮบริด หรือ work from anywhere เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถไปทำงานในสถานที่ต่างๆ ได้ เพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน จนกลายเป็นแนวคิดที่เรียกว่า Workation ที่อาจจะเป็นเทรนด์ที่คนรุ่นใหม่นิยมและแพร่หลายในองค์กรรุ่นใหม่มากกว่าที่เคย

 

ทั่วโลกตีข่าวไทยเป็นแหล่งพักผ่อนที่ดี

Holidu.co.uk เสิร์ชเอนจิ้นสำหรับค้นหาสถานที่พักผ่อนสัญชาติอังกฤษ ได้จัดอันดับ 150 เมืองสำหรับการทำงานไปพักผ่อนไป โดยวัดจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่าเช่ารายเดือนของที่พักแบบ 1 ห้องนอน, ค่าเครื่องดื่มหลังเลิกงาน ไปจนถึงค่าเฉลี่ยจำนวนชั่วโมงที่แดดออกต่อวัน, ความเร็ว Wi-Fi และกิจกรรมน่าสนใจ โดยใช้ข้อมูล 8 แหล่งซึ่งรวมถึงเว็บไซต์ BestCities.org และ Tripadvisor.co.uk

พบว่า กรุงเทพฯ ครองอันดับ 1 เมืองเหมาะแก่การทำงานไปพักผ่อนไปประจำปีนี้ ตามมาด้วยนิวเดลี ประเทศอินเดีย, ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส, บาร์เซโลนา ประเทศสเปน ตามมาด้วยอันดับ 5 ร่วม ได้แก่ กรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา และกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ขณะที่ภูเก็ตติดอันดับที่ 10

Holidu ระบุว่า สำหรับกรุงเทพฯ ที่ได้อันดับ 1 นั้น เนื่องจากมีค่าครองชีพไม่แพง, ความสามารถทางภาษาอังกฤษอยู่ในระดับสูง, สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย, มีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลกมากมาย และมีสำนักงานของบริษัทข้ามชาติหลายบริษัท

สิ่งหนึ่งที่น่าภูมิใจและยอมรับคือประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพเป็น destination ที่คนทั่วโลกอย่างเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์การกิน ดื่ม เที่ยวและใช้ชีวิตมากที่สุด ด้วยแคมเปญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่เดินหน้าและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้คนทั่วโลกได้พบเห็นและสื่อสารอย่างต่อเนื่อง

ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายทางด้านวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น วัดวาอาราม ตลาดน้ำ ตลาดกลางคืน สตรีทฟู้ด ความมีน้ำใจและอัตราค่าครองชีพราคาไม่แพง ที่ดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น

โดย ททท. เชิญชวนบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ องค์กร และหน่วยงาน เดินทางท่องเที่ยวผ่านเส้นทางการท่องเที่ยว 5 ประเภท (CSR Outing) ได้แก่

 

เมื่อองค์กรเปิดกว้างให้ work from anywhere

ในขณะที่ชาวออฟฟิศเอง ก็พร้อมที่จะออกไปสัมผัสธรรมชาติอย่างป่าเขา ทะเล เขื่อน เพื่อสัมผัสบรรยากาศที่ผ่อนคลายขณะทำงาน เพราะการที่บริษัทรุ่นใหม่ที่มีการสำรวจพฤติกรรมและความสามารถของพนักงานที่ต้องทำงานแบบ work from home แล้ว มีความพร้อมหรือตอบสนองต่องานดีแค่ไหน หรือพฤติกรรมเปลี่ยนไปเมื่อต้องใช้ชีวิตในบ้านแล้วส่งผลกระทบต่องานอย่างไร

ทางผู้เขียนขอยกตัวอย่างบริษัทดิจิทัลเอเจนซี่แห่งหนึ่งที่มีการสำรวจอารมณ์และความรู้สึกในการทำงานที่บ้านของพนักงาน พบว่า สิ่งแรกที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของพนักงานที่ต้องทำงานที่บ้านคือ เรื่องของสุขภาพ พนักงานหลายคนเจอปัญหาออฟฟิศซินโดรมขณะทำงานที่บ้าน หมายความว่า มีอาการปวดคอ หลัง บ่า ไหล่ จากอุปกรณ์การทำงานที่ไม่รองรับ อินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อไม่ดีพอ การประชุมออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการไม่มีลิมิตในการประชุมตลอดทั้งวัน เป็นต้น

ปัญหาเหล่านี้สะสมมาตลอดตั้งแต่เกิดการล็อกดาวน์ครั้งแรกและทุกองค์กรยังรับมือกับสถานการณ์ได้ไม่ดีพอ อาจเพราะไม่รู้ว่าต้องเจอสถานการณ์แบบนี้นานแค่ไหน แต่งานก็ต้องเดินหน้าต่อไป บางองค์กรมีการสนับสนุนอุปกรณ์การทำงานอย่างโต๊ะ เก้าอี้ เครื่องคอมพิวเตอร์หรือค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อลดภาระของพนักงานที่ต้องทำงานที่บ้าน

แต่เมื่อปัญหาการ work from home เข้าสู่ปีที่สอง พนักงานเริ่มรู้จักปรับตัวและใช้ชีวิตแบบนี้ได้ ปัญหาที่เกิดต่อมาคือ ภาวะความเครียด การไม่ได้ออกไปพบปะสังคม จนส่งผลให้มีภาวะซึมเศร้าที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ พนักงานเริ่มมีอาการป่วยทางกายและป่วยทางใจ ยิ่งปัญหานี้ส่งผลกระทบกับพนักงานหลายคนมากขึ้นเท่าไหร่ องค์กรที่พร้อมปรับเปลี่ยนก็เริ่มเปิดกว้างให้พนักงานทำงานแบบ work from anywhere หรือทำงานที่ไหนก็ได้

workation ช่วยแก้ปัญหาได้จริงไหม

ไม่มีใครบอกได้ว่าการทำงานแบบ Work + Vacation หรือ ทำงานไปด้วย ท่องเที่ยวไปด้วย จะช่วยแก้ปัญหาสภาวะทางจิตใจของพนักงานได้จริงหรือไม่ เพราะมีคนเห็นด้วยก็ต้องมีคนต่อต้าน หากองค์กรใช้นโยบายนี้ ก็อาจจะซ้ำซ้อนกับวันลาของพนักงาน นั่นคือ ไม่สามารถจัดเป็นวันลาพักร้อน ลาหยุด ลาป่วยได้ชัดเจน

เทรนด์การทำงานแบบ workation จึงต้องนำไปปรับใช้และมีการวางมาตรการกับพนักงานให้เหมาะสม เพราะสมัยก่อนแม้ทำงานแบบมีวันลา แต่พนักงานบางคนต้องเคยได้สัมผัสประสบการณ์ “วันลาที่ไม่ได้ลา” ซึ่งก็เหมือนกับเทรนด์นี้ คือ “วันทำงานที่เหมือนไม่ได้ทำ” เช่นกัน

ด้วยการทำงานแบบ workation ไม่ได้เหมาะกับทุกคน จึงไม่ใช่เรื่องที่ HR ขององค์กรต้องกังวล แค่รับรู้และนำไปเสนอแก่ผู้บริหารอย่างเหมาะสมก็เพียงพอ

แล้วการทำงานแบบนี้จะเหมาะกับใคร

รูปแบบการทำงานแบบ Workation จึงเหมาะกับกลุ่มคนที่คุ้นเคยกับการใช้ออนไลน์ทำงานอยู่แล้ว เช่น งานเขียนคอนเทนต์, งานออกแบบ, บล็อกเกอร์, ช่างภาพ, สื่อสารองค์กร, งานไอทีซัพพอร์ต, ครีเอทีฟ, งานการตลาด เป็นต้น ซึ่งก็ต้องเลือกสถานที่ทำงานที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ดีมากๆ เพื่อให้ทันต่อการทำงานและไม่ลดประสิทธิภาพในการทำงานไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลกก็ตาม รวมทั้งต้องรู้จักการจัดตารางชีวิตได้เป็นระเบียบ สามารถแยกเรื่องงานกับเรื่องพักผ่อนออกจากกันได้ชัดเจน

นอกจากนี้ หากทีมบริหารอยากจะนำเรื่องของ Workation ไปเป็นหนึ่งในนโยบายของบริษัท และลดการปวดหัวกับการนับวันลาของพนักงานสิ่งที่ฝ่ายบริหารบุคคลต้องทำก็คือ ออกกฏให้ชัดเจน เช่น หากจะทำงานแบบ workation จะต้องติดต่อได้ตลอดเวลา สามารถทำงานและสื่อสารกับทีมได้ หากติดต่อไม่ได้หรือไม่ติดต่อกลับภายใน 3 ชั่วโมง หรือมีเรื่องเร่งด่วนแล้วไม่ติดต่อกลับภายใน 30 นาที – 1 ชั่วโมง ให้ถือว่าเป็นการขาดงาน

หากต้องการใช้เป็นวันลาหยุด หรือลาพักร้อน ก็จำเป็นต้องแจ้งทีมล่วงหน้า 1 สัปดาห์ และไม่ซ้ำซ้อนกับคนอื่นๆ ในทีมเพื่อให้งานสามารถเดินหน้าต่อได้ และถ้าเป็นการทำงานแบบ workation คือไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ต้องติดต่อได้ ขณะที่การลางานคือสามารถปิดเครื่องหรือไม่ตอบอีเมล์ทีมได้จนกว่าจะครบเวลาที่ลางาน ไม่ว่าจะตำแหน่งสูงแค่ไหนถ้าไม่เร่งด่วนคือต้องไม่บังคับให้ตอบกลับ

การออกกฏที่ชัดเจนทั้งหัวหน้าและลูกน้องจะทำให้ลดปัญหาและแยกการบริหารจัดการงานได้ชัดเจนขึ้น และเป็นธรรมต่อคนทำงานเช่นกัน

จังหวัดใดเอื้อต่อการ Workation บ้าง

ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยว หลายจังหวัดจึงค่อนข้างมีความพร้อมในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น บรรยากาศที่สวยงาม อาหารอร่อย อินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อเร็ว มีโต๊ะและอุปกรณ์ให้พร้อมทำงาน ขาดอย่างเดียวคือไฟที่เพียงพอ เพราะถ้าคุณเช่าห้องสำหรับพักย่อมต้องการไฟที่ไม่แรงมาก แต่ถ้าต้องใช้ในการทำงานด้วย อาจต้องพกไฟวงไปเพิ่มหากมีการถ่ายทำรายการ สัมภาษณ์ หรือประชุมที่ต้องเห็นหน้ากับลูกค้าหรือผู้บริหาร

ตัวอย่างภาพการจัดไฟทำงานของคุณเคน นครินทร์

นอกจากนี้ จังหวัดที่เหมาะแก่การไปนั่งก็คือจังหวัดท่องเที่ยวที่เราคุ้นเคย เช่น พัทยา หัวหิน เขาใหญ่ เชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านี้ เราได้มีการรวบรวมโรงแรมและที่พักทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ที่เปิดโปรโมชั่นสำหรับ workation ไว้บ้างแล้ว (อ่านรายชื่อโรงแรม)

 

แหล่งอ้างอิง :