สัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวคราวร้อนแรงที่วงการโฆษณาตกตะลึงคือการส่งสัญญาณเตือนจาก WPP ที่สะท้อนว่าเม็ดเงินสะพัดในวงการโฆษณาสินค้าอุปโภคบริโภคจะลดลงอีกในปีหน้า ส่งให้หุ้น WPP ตกต่ำที่สุดในรอบ 18 ปี
WPP หรือ Wire and Plastic Products, plc. นั้นเป็นบริษัทสื่อโฆษณาสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นเครือข่ายดิจิทัลเอเจนซีโฆษณาและประชาสัมพันธ์ยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลก WPP เป็นบริษัทแม่ของเอเจนซี่ใหญ่ เช่น Ogilvy, GroupM, JWT และ Hill&Knowlton
จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมีนาคมปีนี้ว่าธุรกิจจะขยายตัว 2% ต่อปี สัปดาห์ที่แล้ว WPP ประกาศที่งานแถลงผลประกอบการ ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของธุรกิจในปี 2017 เหลือ 1% แถมยังบอกว่าอัตราเติบโตอาจเป็น 0%
บริษัทด้วย ทั้งหมดนี้เป็นกระจกส่องภาวะฝืดเคืองในวงการโฆษณาทั้งออฟไลน์และออนไลน์ที่แจ่มชัดเหลือเกิน
นักลงทุนจึงหวั่นใจในธุรกืจโฆษณา โดยเฉพาะเมื่อ WPP ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะผลกระทบจากการที่บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคแบรนด์ดังทำการตัดงบโฆษณาลง แบรนด์ที่เป็นลูกค้าของ WPP ทั้ง Unilever และ Procter & Gamble ต่างลดค่าใช้จ่ายในหลายตลาด ที่เห็นชัดคือพื้นที่อเมริกาเหนือ ทั้งหมดนี้ส่งให้หุ้น WPP ดิ่งลง 11% ในวันเดียว ถือเป็นวิกฤติหุ้นร่วงที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 18 ปี พาให้หุ้นเอเจนซี่โฆษณาคู่แข่งร่วงตามไปด้วย
CEO ใหญ่ของ WPP “Martin Sorrell” บอกว่าการปรับลดตัวเลขลงครั้งนี้เป็นวิกฤติก็จริง แต่เป็นเรื่องจำเป็นเพราะสามารถส่งสัญญาณปลุกทุกคนในอุตสาหกรรมให้ตื่นจากฝันหวานได้แล้ว เพราะโลกกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำตามรอยปี 2000 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติการเงินโลกจนธุรกิจโฆษณาของ WPP มีอัตราการเติบโต 2%
สำหรับ WPP นั้นมีข่าวปรับลดงบรัดเข็มขัดตัวเองต่อเนื่อง ที่เป็นข่าวดังคือกรณีการลดงบประมาณร่วมงานเทศกาลประกวดโฆษณา Cannes Lions ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ถึงผู้จัดงาน ธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว ขนส่ง และระบบเศรษฐกิจภาพรวมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
สิ่งที่เราสรุปได้จากข่าวนี้ คือผลกระทบในมุมโฆษณาออนไลน์ด้วย เพราะ WPP นั้นเป็นบริษัทที่ทำงานกับ Facebook และ Google ด้วย โดยทั้งคู่เป็นสื่อหลักที่ WPP ลงทุนซื้อสื่อด้วย งานนี้เรียกว่าวิกฤติของ WPP จะกระทบทั้งโลกโฆษณา ที่อาจจะเผาจริงในปีหน้าและปีต่อไปก็ได้
ที่มา: MarketingDive