เรื่องของการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในประเทศไทยนั้น ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่มีบริษัทใดที่ประกาศชัดว่าเดินหน้าด้านนี้เต็มตัว ส่วนใหญ่ที่จะเห็นในตลาดจะเป็นกลุ่มเอเจนซี่ ที่ควบการดูแลลูกค้าด้วยช่องทางออนไลน์ จึงกลายเป็นโอกาสของ YDM Thailand ที่ออกมาประกาศชัดว่าจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง
บริษัทลูกเน้นออนไลน์
นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เล่าว่า เรามีบริษัทในเครือ YDM Thailand จำนวน 7 บริษัท คือ
- Adyim : Digital Marketing Solution Hub ผู้ให้บริการทางด้านการทำการตลาดออนไลน์ ดูแลแบรนด์ชั้นนำมาแล้วกว่า 500 แบรนด์
- Gottimize: Performance Media Agency ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนและการซื้อสื่อโฆษณาออนไลน์แบบเน้นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ โดยมีลูกค้าทั้งในส่วนที่เป็นบริษัทชั้นนำ และเอเจนซี่ระดับโลก
- Alt65 : เจ้าของแพลตฟอร์ Revu ที่เชี่ยวชาญด้านการสร้างรีวิวสินค้า ผ่าน Micro influencer ครอบคลุมครบทุก product category มีนักรีวิวในเน็ตเวิร์ก กว่า 8,000 คน และสร้างรีวิวมาแล้วกว่า หนึ่งหมื่นรีวิวบนโลกออนไลน์
- Adpocket: Mobile Screen Lock Ads แอปพลิเคชั่น เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย ที่เปลี่ยนหน้าจอมือถือให้เป็นพื้นที่โฆษณา ติดตัวไปกับผู้บริโภคได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยฐานผู้ใช้งานมากถึง 5 ล้านคน
- Doer: Freelance Management Platform แพลตฟอร์มรับพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยมีทีมฟรีแลนซ์ทำงานผ่านระบบมากกว่า 200 คน และด้วยระบบการจัดการที่มีคุณภาพ ทำให้ Doer สามารถรับงานสเกลใหญ่ๆ ได้โดยไม่มีปัญหา
- AVG: บริษัททำ Digital Marketing สำหรับเจาะตลาดจีน และนักท่องเที่ยวจีนในไทย เป็นบริษัทเดียวในไทย ที่เป็น Official Partner กับ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ในจีน Baidu, Tencent , Alibaba พร้อมกันทั้ง 3 บริษัท
- Nawin: บริษัท Creative Consulting ที่มีครีเอทีฟระดับโลก “กอลฟ์”- นันทวัฒน์ ชัยพรแก้ว มาช่วยให้คำปรึกษาในการทำธุรกิจกับลูกค้า เริ่มต้นแต่การคิด Branding จนไปถึงการหา Business Model ใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งไอเดียในการทำโฆษณา
จะเห็นได้ว่าทุกบริษัทต่างก็มีโอกาสและความแข็งแรงในกลุ่มธุรกิจดิจิทัลเอเจนซี่ ทำให้การได้รับเงินทุนจาก 3 ผู้ร่วมทุนใหม่อย่าง Intouch ธนาคารออมสิน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย น่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ หรือแบรนด์ใหญ่ที่ต้องการปรับกลยุทธ์เข้าสู่โลกออนไลน์
แม้ว่าตอนเปิดตัวบริษัท Adyim จะมีเงินทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท แต่จากนี้ไปเพื่อขยายโอกาสธุรกิจได้อย่างแข็งแรงก็คงจะเพิ่มเงินทุนจดทะเบียน และปรึกษาพาร์ทเนอร์ในการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
ปัจจุบันมูลค่าเม็ดเงินที่แบรนด์ต่าง ๆ ใช้จ่ายผ่านสื่อดิจิทัลในประเทศไทยในปี 2560 มีมูลค่า 12,402 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 30% แต่คิดเป็นสัดส่วนแค่ประมาณ 10% ของมูลค่าการโฆษณาทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งถือว่ามูลค่าโฆษณาในสื่อดิจิทัลในไทยนั้นยังมีสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น จีนปัจจุบันมีสัดส่วนโฆษณาดิจิทัลประมาณ 57%, สหราชอาณาจักร 60% และอเมริกา 30% และยังมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นอีกมากในอนาคต
“ส่วนใหญ่เอเจนซี่ที่เขาจ้าง Influencer จะเป็นกลุ่มเซเลบหรือค่อนข้างช้ำแล้ว อีกทั้งลูกค้าเค้าจะรู้ทันทีว่าการรีวิวแบบนี้คือซื้อแน่นอน ดังนั้นเราจะโฟกัสท่ี Micro Influencer จริงๆ ที่มีโอกาสและความน่าเชื่อถือมากกว่า”
แต่ไม่ใช่ว่าการจ้างพรีเซนเตอร์หรือ Influencer ชื่อดังไม่ใช่เรื่องดี คนกลุ่มนี้จะช่วยในเรื่อง Brand Awareness คือเห็นหน้าปุ๊บ จำได้ว่าคือสินค้าใด และเพิ่มโอกาสให้คนเข้าไปค้นหาใน Google หรือ Social Media ต่างๆ ทำให้แบรนด์ต้องขยี้ซ้ำ ตอกความน่าสนใจของสินค้าให้กลุ่ม Micro ช่วยแนะนำเข้าไปอีกรอบ จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความสนใจและตัดสินใจซื้อมากขึ้น
เทคโนโลยีช่วยหนุนโอกาสเติบโต
จากข้อมูลของสมาคมโฆษณาดิจิทัล (DAAT) ที่คาดการณ์ว่าในปี 2561 ตลาดโฆษณาดิจิทัลในประเทศไทยจะเติบโตขึ้นอีก 16% คิดเป็นมูลค่า 14,330 ล้านบาท นั่นยิ่งเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าโอกาสที่แบรนด์จะสนใจสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์จะยิ่งมีโอกาสเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เพราะยังมีตัวเลขในรายย่อยอีกมากท่ีเขาโฆษณาตรงผ่าน Influencer โดยไม่ผ่านเอเจนซี่ หากเราสามารถดึงคนกลุ่มนี้มาใช้งานผ่านบริการของเราได้ก็น่าจะเช็คตัวเลขการเติบโตได้ชัดเจนขึ้น
“สำหรับการเข้ามาถือหุ้นนั้น แบ่งเป็น YDM เกาหลีถือหุ้น 30% นักลงทุนอื่นๆ 30% ส่วนแอดยิ้มยังถือหุ้นใหญ่สุดคือ 40%”
ทางด้านของ YDM Korea ที่เข้ามาร่วมทุนกับเรา เป็นกลุ่มสตาร์ทอัพจากเกาหลีใต้ระดับยูนิคอร์น ที่จะช่วยให้ YDM Thailand เข้าถึงเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มใหม่ๆ มาใช้ในการทำตลาดดิจิทัลได้
“ซึ่ง Adyim เองก็ทำมา 10 ปีแล้ว เรามีลูกค้าในมือค่อนข้างเยอะ การได้ YDM เข้ามา ช่วยให้เรามีเครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ดีมาใช้ในการขยายโอกาสทางธุรกิจได้ดีกว่าเดิมและมองไปถึงการพัฒนาออกมาเป็นเครื่องมือใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในอนาคต”
การที่บริษัทโฟกัสไปที่กลุ่ม Influencer มากขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้มีศักยภาพที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในตลาด พวกเขาจะสร้างเม็ดเงินให้โตในกลุ่มออนไลน์ได้ดีกว่าเดิมถือว่าเป็นอนาคต อย่างเช่น ในจีนกลุ่ม Influencer เป็นที่นิยมมาก การที่เรามี AVG ในมือ ก็จะช่วยให้ลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจไปจีน สามารถเลือก Influencer ที่เหมาะกับแบรนด์ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ การที่บริษัทเปิดธุรกิจในนาม YDM Thailand มา 3 ปี มีลูกค้าแล้วกว่า 800 ราย ปี 2560 ทำรายได้เกือบ 400 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าในสิ้นปี 2561 จะมีรายได้แตะ 600 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่เปิดบริษัทมา Adyim มีการเติบโตเฉลี่ย 30-40% มาโดยตลอด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่ได้มีคู่แข่งที่เป็นดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งแบบตรงๆ ทำให้มั่นใจว่าเรายังคงเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจนี้