สื่ออเมริกันรายงาน เจ้าพ่อวิดีโอออนไลน์อย่าง YouTube มีแผนดึงแบรนด์ดังมากกว่า 100 แบรนด์เข้าร่วมโครงการ Brand Partner Program ตลอดปีนี้ โดยโครงการนี้จะเป็นโครงการที่ YouTube อาสายื่นมือช่วยให้แบรนด์เหล่านี้สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์สุดเพอร์เฟ็กต์ผ่านชาแนลวิดีโอของตัวเองให้ได้
จำนวน 100 แบรนด์ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ YouTube วางไว้สำหรับการดำเนินโครงการ Brand Partner Program ตลอดปี 2014 นั้นไม่ธรรมดา เพราะถือว่าขยายฐานจากที่ YouTube เคยดำเนินกิจกรรมผ่านโครงการ Brand Partner Program มาแล้วในช่วงปีนี้อย่างชัดเจน โดยช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา YouTube ได้จัดกิจกรรมโครงการ Brand Partner Program ครั้งที่ 2 แล้ว ท่ามกลางตัวแทนจากแบรนด์ใหญ่อย่าง Ford, AT&T, Samsung และ Visa
สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า Brand Partner Program จะมีตัวแทนจากแบรนด์ดังอีกมากเข้าร่วมอบรมเพื่อลับคมกลยุทธ์การตลาดผ่านวิดีโอของ YouTube จุดนี้รายงานระบุว่า ผู้ร่วมโครงการจะได้รับความช่วยเหลือจาก YouTube ให้สามารถปิ๊งไอเดียว่าจะสร้างและเติบโตชาแนลวิดีโอของตัวเองได้อย่างไร
สำหรับกิจกรรม Brand Partner Program ครั้งล่าสุดที่ YouTube จัดขึ้น เป็นกิจกรรมสไตล์ boot camp ระยะเวลา 3 วันที่ศูนย์ YouTube Creative Space ในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เนื้อหาหลักในการอบรมคือการ “treat advertisers like content creators” หรือการฝึกให้นักการตลาดมีความสามารถไม่ต่างจากนักสร้างคอนเทนต์
เรื่องนี้ Jamie Byrne ประธานฝ่ายกลยุทธ์คอนเทนต์ของ YouTube ผู้ดูแลโครงการนี้ระบุว่า จุดประสงค์ของโครงการ Brand Partner Program คือการช่วยเหลือเหล่าแบรนด์ให้สามารถพัฒนากลยุทธ์สร้างวิดีโอบน YouTube ที่ดีกว่าเดิม โดย YouTube จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทั้งแนวโน้มความสนใจของผู้ใช้ และการนำเสนอกรณีศึกษาที่เป็นประโยชน์ในการสร้างสรรค์กลยุทธ์ ซึ่งคาดว่าผู้ร่วมโครงการจะสามารถประยุกต์ข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างเกิดประโยชน์จริง
ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่า YouTube มองเห็นพลังของเหล่าแบรนด์ว่าสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ผู้ชมจะร่วมแชร์ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ จุดนี้ต้องยกนิ้วให้ YouTube เพราะการผุดโครงการนี้สามารถช่วยตอบโจทย์ให้แบรนด์สามารถทำตลาดได้ดีกว่าเดิม ขณะเดียวกัน ผู้ใช้ YouTube จะสามารถแชร์วิดีโอส่งต่อให้เพื่อนได้ฟรี และเมื่อใดก็ตามที่แบรนด์มีความเข้าใจในการใช้ประโยชน์จาก YouTube ดีขึ้น หรือการหาหนทางให้แบรนด์สามารถผูกติดผู้บริโภคได้ดีกว่าเดิม แน่นอนว่า YouTube ก็จะมีรายได้มากขึ้นเมื่อนั้น
ที่มา : PSFK