YouTube กำลังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกมองว่าจะสามารถช่วยชะลอการแพร่กระจายข่าวปลอมที่ส่งผ่านวิดีโอ จุดเด่นของบริการนี้คือผู้ที่เปิดดู YouTube เพื่อรับข่าวสารหรือการพิมพ์หัวข้อต้องการชมที่มีแนวโน้มถูกบิดเบือนข้อมูล จะได้พบกับ “หน้าต่างข้อมูล” หรือ information panels ที่จะปรากฏขึ้นเตือนสติให้ผู้ชมคิดก่อนแชร์ ว่าวิดีโอนี้อาจเป็นข่าวลือหรือวิดีโอปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาในทางที่ผิด
ฟีเจอร์ใหม่ของ YouTube ถือเป็นฟีเจอร์ที่เน้นตรวจสอบข้อเท็จจริงของวิดีโอ ซึ่ง information panels จะแสดงข้อมูลสำคัญของวิดีโอได้ในเบื้องต้น ยกตัวอย่างเช่นผู้ใช้ YouTube ที่ต้องการค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับเพลง Fab Morvan โดยพิมพ์คำว่า Milli Vanilli’s Fab Morvan หน้าต่าง information panels จะเตือนให้ผู้ชมระวังว่าวิดีโอที่พบอาจเป็นวิดีโอหลอกลวง (Hoax Alert!) เนื่องจากเพลง Fab Morvan ไม่ได้ร้องโดย Milli Vanilli
ข้อมูลระบุว่า information panels จะประกอบด้วยข้อมูลที่จัดทำโดย “พันธมิตรการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการรับรองจาก YouTube” เรียกว่าเป็นทีม YouTube’s verified fact-checking partners ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ClaimReview ขององค์กรอย่าง schema.org
ข้อมูลบน information panels อาจอยู่ในรูปบทความที่จะปรากฏในผลการค้นหาบน YouTube เบื้องต้นฟีเจอร์ information panels นี้จะเริ่มเปิดตัวในอินเดียเป็นประเทศแรก (รองรับภาษาอังกฤษและภาษาฮินดี) ก่อนจะขยายไปยังประเทศอื่นช่วงปีนี้
ในมุมของ YouTube เจ้าพ่อวิดีโอออนไลน์ยืนยันว่าทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างประสบการณ์ข่าวที่ดีขึ้นบน YouTube ความพยายามนี้ถูกต่อยอดมาตลอดหลังจากเริ่มต้นเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโครงการที่มีจุดมุ่งหมายสำคัญคือการช่วยให้สื่อมวลชนมีช่องทางดิจิทัลเพื่อเผยแพร่ข้อมูลได้อย่างไม่ต้องกังวล
ขณะนี้ โฆษก YouTube ระบุว่าฟีเจอร์ดังกล่าวเริ่มทดลองใช้เฉพาะในผู้ใช้จำนวนจำกัดที่อินเดีย เหตุที่เป็นอินเดียเพราะแดนโรตีเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ YouTube ผู้ใช้งานจำนวนเกือบ 250 ล้านคน แถมยังเป็นตลาดที่มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นระหว่างอินเดียและปากีสถาน ผลจากข้อมูลผิดได้ส่งผลกระทบต่อสื่อสังคมออนไลน์ในทั้งสองประเทศ ปัญหานี้จึงถูกมองว่าอาจแก้ได้ด้วยหน้าต่างข้อมูล information panels ที่จะทำงานเมื่อมีการค้นหาภาษาฮินดีหรือภาษาอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ information panels นี้ถูกมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะแทนที่ YouTube จะจัดการกับวิดีโอที่เสี่ยงเป็นวิดีโอข่าวลวงโดยตรง แต่ YouTube ยังปล่อยให้วิดีโอนี้คงอยู่ต่อไปแถมยังสามารถปรากฏในหน้าผลการค้นหา จุดนี้ YouTube เลือกที่จะใช้บุคคลที่ 3 ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยปฏิเสธความรับผิดชอบที่จะจัดการวิดีโอข่าวเท็จที่อาจได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งประเด็นนี้ทำให้การแก้ปัญหาครั้งนี้ของ YouTube เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนใครเลย
ที่มา: : FastCompany