YouTube เปิดศักราชธุรกิจโฆษณาบนอุปกรณ์มือถือด้วยการเริ่มต้นเพิ่มโฆษณาให้ผู้ชมคลิป YouTube ได้เห็นโฆษณาก่อนชมวิดีโอที่ต้องการ (Pre-Roll Ads) โดย YouTube ยืนยันไม่สร้างความรำคาญเพราะผู้ชมสามารถ Skip หรือกดข้ามโฆษณานั้นไปได้ ซึ่งกว่า 65% ของ Pre-Roll Ads บน YouTube นั้นสามารถ Skip ข้ามไปได้ในขณะนี้
การที่ YouTube ประกาศนำ “skippable video ads” หรือวิดีโอโฆษณาที่สามารถกดข้ามได้มาเปิดใช้บนระบบสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนั้นถูกมองว่าเป็นการขยายฐานความสำเร็จที่ YouTube ได้รับจากระบบโฆษณาบนพีซี โดยที่ผ่านมา ผู้ชมวิดีโอของ YouTube ผ่านเดสก์ท็อปและแล็ปท็อปล้วนสามารถกดข้ามวิดีโอโฆษณาของ YouTube ที่เรียกว่า “TrueView”
TrueView ของ YouTube อนุญาตให้ผู้ใช้กดข้ามวิดีโอโฆษณาได้หลังจากผ่าน 5 วินาทีแรกไป ซึ่งนักโฆษณาจะสามารถจ่ายเงินตามจริงที่มีการชมวิดีโอ ไม่ว่าจะ 30 วินาทีหรือครบทั้งวิดีโอ จากทฤษฎีนี้ YouTube จะสามารถทำเงินจากนักโฆษณามากขึ้นหากมีฐานผู้ชมที่กว้างขึ้น
ผู้บริโภคนั้นชื่นชอบ Skippable ads เหล่านี้เพราะรู้สึกว่าไม่ต้องถูกบังคับให้ชมโฆษณาจนจบ YouTube รู้ดีและพยายามเพิ่มจำนวนโฆษณาที่กดข้ามได้ให้มากขึ้นแม้จะมีผลกระทบต่อรายได้โฆษณา โดย YouTube ย้ำว่ากว่า 65% ของโฆษณา pre-roll ads บน YouTube นั้นอนุญาตให้ผู้ใช้กดข้ามไปได้ ซึ่งสัดส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นแน่นอนเมื่อรวมการชมวิดีโอบนอุปกรณ์พกพาเข้าไปด้วย
อย่างไรก็ตาม นักโฆษณาก็ไม่ดูดายที่จะลดอัตราการกดข้ามโฆษณาให้ได้ โดยหนึ่งในกลยุทธ์คือการเพิ่มความสนุกสนานให้กับโฆษณาจนดูเหมือนว่าเป็นของแถมที่ผู้ชมจะได้รับเพิ่มเติมจากวิดีโอ
ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้คำพูดของ Larry Page ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Google ถูกนำมารายงานอีกครั้ง คำพูดนั้นคือ Google เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 2.5 พันล้านเหรียญจากธุรกิจโมบายล์ผ่านธุรกิจที่หลากหลายของ Google ซึ่งน่าจับตามากกว่าบริษัทจะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่
รายงานล่าสุดระบุว่า skippable ads จะแสดงเฉพาะบนอุปกรณ์ Android เท่านั้น ส่วนแอพพลิเคชัน YouTube บน iPhone ที่ Apple สร้างและติดตั้งมาจากโรงงาน (pre-install) นั้นจะไม่สามารถแสดงโฆษณาได้ จุดนี้สอดคล้องกับประกาศล่าสุดที่ Apple ประกาศว่า YouTube จะไม่ถูก pre-install ในอุปกรณ์ iOS เวอร์ชันถัดไป ซึ่งทำให้ Google จะต้องเริ่มสร้างและให้บริการ YouTube ของตัวเอง เท่ากับวิธีนี้จะทำให้ Google สามารถดึงชาวไอโฟนมาดูโฆษณาบนวิดีโอได้ในที่สุด
ที่มา: AdAge