นับถอยหลังการบุกตลาดเพลงของเจ้าพ่อวงการวิดีโอออนไลน์อย่าง YouTube รายงานล่าสุดระบุว่าบริษัทลูกในเครือ Google อย่าง YouTube นั้นมีการเตรียมพร้อมตั้งชื่อบริการเพลงของตัวเองเรียบร้อยแล้ว และวางแผนให้บริการด้วยราคา 10 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 320 บาทต่อเดือน
สื่อออนไลน์อย่าง Android Police รายงานว่าบริการเพลงของ YouTube จะใช้ชื่อว่า “YouTube Music Key” เบื้องต้น YouTube ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดเพิ่มเติม ทำให้ยังไม่แน่ชัดว่าชื่อบริการเพลงใหม่ของ YouTube นั้นได้ข้อสรุปเป็น Music Key หรือไม่
ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา YouTube ยืนยันแล้วว่าบริษัทกำลังเตรียมพร้อมให้บริการเพลงออนไลน์แบบคุณภาพสูงหรือ premium streaming music service โดยจะให้บริการควบคู่ไปบนเว็บไซต์วิดีโอออนไลน์ การยืนยันครั้งนั้นทำให้ YouTube ถูกจับตามองอย่างมาก เนื่องจาก YouTube ถือเป็น 1 แหล่งฟังเพลงฟรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกออนไลน์ขณะนี้
สิ่งที่ถือเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ YouTube ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อบุกตลาดเพลงอย่างเต็มตัว คือผู้ใช้จำเป็นต้องเล่นไฟล์วิดีโอตลอดเวลาที่ต้องการฟังเพลง ข้อจำกัดนี้ทำให้ YouTube ไม่สามารถแข่งขันกับบริการที่ครองตลาดเพลงออนไลน์อเมริกันอย่าง Rdio, Spotify และ Beats Music ได้ ดังนั้น YouTube จึงต้องมีการปรับบริการหากคิดจะเริ่มต้นธุรกิจเพลงออนไลน์แบบสมาชิกรายเดือน
เบื้องต้น สื่อต่างประเทศเชื่อว่าบริการ “YouTube Music Key” จะทำให้ผู้ใช้สามารถดึงเสียงเพลงจาก YouTube มาฟังบนอุปกรณ์พกพาได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งแทนที่จะต้องเปิดวิดีโอไว้คู่กัน (เป็น background) แต่ผู้ใช้จะสามารถดึงเฉพาะเสียงเพลงมาเปิดบนอุปกรณ์ iOS และ Android ได้โดยไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร ที่สำคัญ บริการนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถรวมเพลงจากศิลปินที่ชื่นชอบได้อย่างหลากหลาย ซึ่งจะรวมถึงเทปบันทึกการแสดงสดที่ได้รับความนิยมมากบน YouTube ด้วย
เสียงจากวิดีโอบันทึกการแสดงนี้เองที่คาดว่าจะเป็นไม้ตายทำให้บริการเพลงออนไลน์อย่าง Spotify ต้องหวั่นใจ เพราะผู้ใช้จะไม่สามารถค้นหาเพลงบรรกาศสดใหม่เช่นนี้ได้จากบริการเพลงออนไลน์ทั่วไป แถมราคาที่คาดว่า YouTube จะกำหนดเป็นค่าสมาชิกเริ่มต้นคือ 10 เหรียญนั้นถือเป็นราคาที่เท่าเทียมกับราคามาตรฐานในอุตสาหกรรมบริการเพลงออนไลน์อเมริกัน ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าตลาดเพลงออนไลน์อเมริกันจะร้อนแรงขึ้นแน่นอนเพราะ YouTube
อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าบริการเพลงของ YouTube จะถูกรวมกับบริการ Google Play ที่ Google ให้บริการมาก่อนหน้านี้หรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนอีกครั้งในอนาคต
ที่มา : VentureBeat