มีกระแสออกมากันให้ตามไม่เว้นแต่ละวัน กับชื่อที่หลายคน โดยเฉพาะคนที่ติดตามแวดวงข่าวสารของโทรศัพท์มือถือและเทคโนโลยีใหม่ๆ กับ “Zero Project” ที่หลายๆ คนเริ่มพอจะเดากันออกแล้วว่า น่าจะเป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟน Flagship อย่าง Samsung Galaxy S Family ซึ่งคาดกันว่าจะใช้ชื่อว่า Galaxy S6 นั่นเอง แต่ข่าวลือสารพัดนั้น มีอะไรบ้างลองไปติดตามกันครับ…
ในภาวะที่มีคู่แข่งเกิดขึ้นมากมายในตลาดสมาร์ทโฟนในบ้านเรา หรือลามไปถึงระดับโลก ซัมซุง ผู้ผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเบอร์หนึ่งของโลก คงไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ และตลอดเดือนสองเดือนที่ผ่านมา หลายคนจับตามองว่าซัมซุงจะเปิดตัวสินค้าอะไรในงาน Samsung Galaxy Unpacked 2015 บ้าง ซึ่งชื่อของ Zero หรือ Galaxy S6 (ตามคาดหมาย) นั้นถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก รวมถึงมีภาพที่ว่ากันว่าเป็นภาพหลุดออกมากันให้เห็นมากขึ้น
ในบ้านเราเอง ซัมซุงแม้จะยังครองยอดขายสมาร์ทโฟนสูงสุดอยู่ แต่การถูกไล่หลังมาเรื่อยๆ ก็ทำให้ปีนี้คาดหมายกันว่า Zero Project นี้ จะเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่ซัมซุงจะต้องทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของตลาดจงได้ เราลองมาวิเคราะห์กันดูว่า สำหรับ Samsung Galaxy S6 นั้น จะมีหน้าตาออกมาอย่างไร
หน้าจอ:
สำหรับสมาร์ทโฟนแล้ว หน้าจอถือเป็นคุณสมบัติหลัก กับการเลือกโทรศัพท์ดีๆ ให้ตัวเองสักเครื่องหนึ่ง ว่ากันด้วยเรื่องของขนาดของ Samsung Galaxy S Family นั้น มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ 4 นิ้ว – 4.3 นิ้ว – 4.7 นิ้ว – 5 นิ้ว และล่าสุดกับ S5 ที่มีหน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว แต่ผมไม่คิดว่า S6 จะทำหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น แต่น่าจะคงขนาด 5 หรือ 5.1 เอาไว้มากกว่า (เพื่อไม่ให้ทับหรือกินส่วนแบ่งของ Sector อื่นๆ อย่าง Galaxy Note หรือ A Series นั่นเอง)
ถัดมาคือ “YOUM” คือสิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้คนต้องเหลียวหลังกลับมาสนใจ Samsung Galaxy S6 ตัวนี้ เพราะมันหมายถึงการนำเอาจอภาพที่มีความโค้งมน มาใช้กับสมาร์ทโฟน ที่ปกติเราก็เป็นกันบนหน้าจอเรียบๆ ปกติ ย้อนกลับไปปี 2013 ซัมซุงได้ประกาศให้โลกได้รู้จักกับ YOUM หน้าจอที่สามารถดัดให้โค้งงอ และที่ผ่านมา Samsung Galaxu Note Edge ก็ได้นำหน้าจอโค้งไปใช้กับจอสัมผัสด้านข้างกันแล้ว (ใครอยากรู้จักกับ Youm ลองไปติดตามดูวิดีโอ ที่นี่ ครับ) ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ ที่เราจะได้เห็นขอบจอแบบเดียวกันกับ Note Edge บน S6 ด้วย
ความละเอียดหน้าจอ คิดว่าคงไม่มากไปกว่า Note 4 หรือ Note Edge คือ 1,440 x 2,560 พิกเซล (แต่ด้วยจอที่เล็กกว่า Note4 จะทำให้ภาพที่ได้ดูคมชัดกว่าเล็กน้อย) และเชื่อว่า Super AMOLED ก็จะยังคงอยู่ปกติ
ประสิทธิภาพ และหน่วยความจำ:
ใน Galaxy S6 นี้ เราน่าจะได้เห็น CPU แบบ 64 Bit ค่อนข้างแน่นอนแล้ว โดยคาดว่าอาจจะมีการเครื่องออกมาสองเวอร์ชันอีกเช่นเดิม คือ เวอร์ชันที่เป็น Qualcomm Snapdragon และ Exynos ซึ่งคาดว่าในบ้านเราก็น่าจะเป็น Exynos 7420 เข้ามา ส่วนหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB และ RAM 3GB น่าจะมีให้เห็นได้ไม่ยาก
Android เวอร์ชัน 5.0 หรือ Lollipop นั้น น่าจะมาอยู่บน Galaxy S6 เป็นรุ่นแรก (ส่วนรุ่นก่อนหน้า ก็น่าจะได้ทยอยอัพเกรดตามๆ กันไป)
การออกแบบ:
สำหรับเรื่องของการออกแบบนั้น หลายคนน่าจะพอได้เห็นจาก Teaser เปิดตัว ซึ่งคาดการณ์กันว่าฝาหลัง อาจจะมีลักษณะเป็นกระจก วัสดุตัวเครื่องน่าจะเป็นโลหะ เช่นเดียวกับ Note 4 แถมในวิดีโอยังพูดถึงขอบ (จอ) ที่อาจจะหายไป จากข่าวลือมากมาย และกระแสที่ได้ยินมา ว่ากันว่า Samsung Galaxy S6 น่าจะเป็นรุ่นที่มีการเปลี่ยนโฉมจากอดีตที่ผ่านมา เรียกว่าแทบไม่เหลือเค้าเดิมเลยก็ว่าได้ครับ
กล้องถ่ายรูป:
ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่อง เพราะทุกวันนี้หลายคนเริ่มไม่พกกล้องถ่ายรูป แต่ใช้เจ้ากล้องที่อยู่บนสมาร์ทโฟนแทนไปใช้ชีวิตประจำวันเสียแล้ว สำหรับ Galaxy S6 นั้นถูกคาดหมายว่าจะพัฒนาขีดความสามารถเรื่องกล้อง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของฟังก์ชัน เพื่อการใช้งานที่สะดวกขึ้น หรือจะเป็นความละเอียดกล้อง ที่ดูแล้วครั้งนี้อาจจะมาสูงถึง 20 ล้านพิกเซลกันเลยทีเดียว
อื่นๆ:
ส่วนอื่นๆ เท่าที่มีข่าวลือ และได้ยินจากคนในวงใน ว่ากันว่าปุ่ม Home ของ S6 นั้น อาจจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้สามารถใช้งาน Fingerprint scan ได้สะดวก ไม่ต้องรูดนิ้ว แต่เป็นลักษณะเดียวกับ Touch ID ของ Apple แถมยังมาพร้อมกับเซนเซอร์สแกนม่านตา (Iris scanner) แต่จะใช้งานได้จริงแค่ไหน คงต้องติดตามกันต่อไป
ในส่วนของภาพที่ใช้โปรโมท (ด้านล่าง) นั้น เท่าที่เห็นน่าจะเป็นเรื่องของกล้องที่มีความละเอียดสูง (รูปที่ 1) การชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย หรือ Wireless Charging (รูปที่ 2) และเรื่องของการออกแบบดีไซน์ (รูปที่ 3)
จากที่ได้ดู Teaser เปิดตัวแคมเปญ Zero Project แล้ว ต้องบอกเลยว่า ครั้งนี้ทางซัมซุงทำได้น่าตื่นเต้นกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนะครับ ลองไปดูวิดีโอ Teaser กันดู ไม่แน่ท่านอาจจะเป็นคนหนึ่ง ที่สนใจและจับจองเป็นเจ้าของทันทีก็ได้นะครับ
สำหรับใครที่สนใจ ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง ก็จะมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง www.samsung.com/th รอติดตามชมกันนะครับ…