ก.พาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามบริษัทในสหรัฐอเมริกาทำการซื้อขายชิ้นส่วนให้แก่ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมของจีน ZTE เป็นเวลา 7 ปีหลังละเมิดเงื่อนไข กรณีคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
Reuters รายงานว่า การประกาศดังกล่าวอาจส่งผลกระทบอย่างหนักให้แก่บริษัทในสหรัฐฯ กว่า 25-30% ที่ส่งชิ้นส่วนสำหรับใช้งานในอุปกรณ์ต่างๆ ของ ZTE ทั้งอุปกรณ์เครือข่ายและสมาร์ทโฟน
การสั่งห้ามดังกล่าวเป็นผลมาจาก ZTE ล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐ ทั้งการร้องขอข้อมูล ทำให้ศาลรัฐอิลลินอยส์ ในเท็กซัสได้ตัดสินว่ามีการสมคบคิดกันที่จะละเมิดการข้อตกลงของสหรัฐฯ ในการส่งสินค้าและเทคโนโลยีไปยังอิหร่านอย่างไม่ถูกต้อง
บริษัทจากจีนแห่งนี้ต้องจ่ายค่าปรับกว่า 890 ล้านเหรียญสหรัฐและบทลงโทษเพิ่มเติมอีก 300 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ถ้าบริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ พวกเขาอาจต้องเลิกประกอบธุรกิจไปเลย เพราะธนาคารหลายแห่งและบริษัทท่ีตั้งอยู่นอกสหรัฐฯ จะจัดการกับพวกเขาแทน” Eric Hirschhom อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกากล่าว
ทางด้านของ ZTE Corp ใน Shenzhen เอง ก็ได้ชี้แจงกับทาง Reuters ว่า บริษัทได้ประกาศยกเลิกสัญญาว่าจ้างกับพนักงานอาวุโส 4 คน และลงโทษผู้เกี่ยวข้องอีก 35 คน ด้วยการลดโบนัสและตำหนิเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายขายไปแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเมินเฉยต่อคำสั่งและให้โบนัสแก่พนักงานแทนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ภายใต้เงื่อนไขของการประกาศห้ามดังกล่าว เป็นเพราะสหรัฐไม่ต้องการให้ชิ้นส่วนชิปเซ็ทถูกส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ และจากปัญหานี้ทำให้หุ้นส่วนใหญ่ของ ZTE ปรับลดหุ้นลงมา เช่น Acacia Communication ซึ่งมีรายได้ 30% ของรายได้รวมทั้งหมดมาจากการสั่งซื้อของ ZTE ลดลงจากเดิมอีกที่ 35% ถือว่าแตะระดับต่ำสุดในช่วงสองปี
รวมทั้งหุ้นของ Lumentum Holding Inc. ก็ร่วงลง 6% และ Finisar Corp. ลดลง 2.7% ทำให้รายได้รวมของ ZTE ในปีงบประมาณ 2560 ลดลง 13.1%
ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสของ ZTE ยอมรับว่าพวกเขาได้ทำความผิดจากการขอข้อมูลของทางสหรัฐ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อถือในสิ่งที่พวกเขาชี้แจงได้อีก เพราะการค้าระหว่างประเทศมีความสำคัญอย่างมาก แต่ทาง ZTE กลับไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอจากสหรัฐในทันที
ด้านข้อห้ามดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับกรณีของ ZTE เกิดขึ้นหลังจากที่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิคกัน เสนอให้ออกกฏหมายป้องกันไม่ให้สหรัฐฯ ซื้อสินค้าหรือเช่าอุปกรณ์โทรคมนาคมจาก ZTE หรือบริษัทคู่แข่งอย่าง Huawei Technology โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้ จะใช้สิทธิ์ในการเข้ามาสอดแนมเจ้าหน้าที่สหรัฐ ในขณะเดียวกันความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ของสหราชอาณาจักรจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป โดยจะทำการส่งจดหมายแจ้งเตือนไปยังบริษัทต่างๆ จากการใช้บริการหรืออุปกรณ์จาก ZTE
งานนี้อาจกระทบกับภาคธุรกิจที่สั่งซื้อสินค้าจาก ZTE ส่วน HUAWEI ก็ต้องติดตามว่าจะเกิดผลกระทบหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าทั้ง 2 บริษัทมีการแข่งขันในธุรกิจอุปกรณ์สื่อสารและมือถืออย่างหนัก เชื่อว่าฝ่ายประชาสัมพันธ์และนักการตลาดต้องติดตามข่าวนี้ต่อเนื่อง เพื่อคอยจับตาดูว่าจะมีเหตุการณ์กระทบกับแบรนด์ที่กำลังดูแลหรือไม่ และรับมือปัญหาต่างๆ ได้ทัน
Source : Venturebeat