ZTE จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวสมาร์ทโฟน Axon และ Axon Mini พร้อมเตรียมขยายตลาดในประเทศไทยให้ครอบคลุมช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นจากการเติบโตของการยอดขายสมาร์ทโฟนในไทยที่มากกว่าเดิม 20 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
“เป้าหมายของแซดทีอี คือ การก้าวขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนแถวหน้า 5 อันดับแรกของไทยภายในปี 2559 และนำเสนอสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า”
ในประเทศไทย ZTE วางตำแหน่งตัวเองเป็นหนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนยอดนิยมในปัจจุบัน ด้วยการมีส่วนแบ่งตลาดที่มากขึ้นในกลุ่มสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ โดยยอดขายสมาร์ทโฟนในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 20 เท่า เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2558 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แซดทีอีมีแผนจะเปิดร้าน แซดทีอี สมาร์ท โฟน ในประเทศไทย 20 แห่งภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ และแผนขยายการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนแซดทีอีในอีกกว่า 1,500 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2559
มิสเตอร์เจเรมี จ้าว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “แซดทีอี เตรียมทุ่มงบกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 180 ล้านบาท) ทางด้านการขายและการตลาดในประเทศไทยไปจนถึงปี 2559 โดยเรามีแผนที่จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในตลาดระดับกลางถึงตลาดระดับไฮเอนด์ในประเทศไทยผ่านซีรีส์ที่เป็นสมาร์ทโฟนกลยุทธ์ ได้แก่ Axon (แอ็กซอน), Nubia (นูเบีย) และ Blade (เบลด) ผนวกกับการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและเน้นบริการหลังการขาย”
Axon เป็นสมาร์ทโฟนที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมและล้ำสมัย ทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมระบบตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลแบบไบโอเมตริก (Biometric) ถึง 3 แบบ ได้แก่ ระบบตรวจสอบลายนิ้วมือ ระบบ Smart voice (ยืนยันด้วยเสียง) และ EyePrint ID™(ตรวจสอบจากดวงตา) ทำให้ Axon เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในตลาดเท่าที่มีวางจำหน่ายอยู่ทั่วโลกในขณะนี้
Axon ยังเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อม dual-cam ที่สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ส่วนกล้องหลังประกอบด้วยเลนส์ HD คู่ (13 ล้านพิกเซลและ 2 ล้านพิกเซล) ซึ่งให้ประสบการณ์การถ่ายภาพเทียบเท่ากล้อง DSLR พร้อมรูรับแสงขนาดใหญ่ f/1.8 ขยายได้ถึง f/1.0 ให้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพแม้ในจุดที่มีแสงน้อย ในขณะเดียวกันก็สามารถบันทึกวิดีโอ HD ความละเอียด 4K ที่ความเร็ว 30fps กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และครอบคลุมมุมกว้าง 84 องศาและวิดีโอความละเอียด 1080p HD
และวัสดุที่ใช้ประกอบตัวเครื่องยังมีความโดดเด่น ด้วยการใช้วัสดุเกรดเดียวกับเครื่องบินโบอิ้ง 787 ซึ่งเป็นโลหะอลูมิเนียมผสมแมกนีเซียมอัลลอยที่ใช้ในธุรกิจอากาศยาน คุณสมบัติช่วยสร้างความแข็งแกร่ง (มากขึ้น 80%) และทำให้ตัวเครื่องเบาขึ้น (30%) ในขณะที่การใช้โลหะและหนังเทียมผสมผสานกันช่วยเพิ่มความหรูหราสง่างามอีกด้วย คุณสมบัติสำคัญอื่นๆ ได้แก่ หน้าจอแบบ Full HD ขนาด 5.5” พร้อมกระจกกันรอย Corning Anti-Bacterial Gorilla Glass รุ่นล่าสุดที่ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายได้ถึง 99% ทั้งยังรองรับ Hi-Fi (แบบ two-way) โดยใช้ระบบ digital playback และ recording ระดับพรีเมี่ยม พร้อม audio chipset แยกเป็นอิสระ แบตเตอรี่สุดทนทานความจุ 3000mAh สายชาร์จ Quick Charge™ 2.0 เพื่อการชาร์จไฟที่เร็วขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ การชาร์จนาน 10 นาทีสามารถรองรับการโทรได้ 160 นาที
การเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง Axon ในไทยนี้จัดขึ้นพร้อมกันในมาเลเซีย สิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งนับเป็นกลยุทธ์ทางด้านแบรนด์และการขยายตลาดสมาร์ทโฟนไฮเอนด์เชิงรุกของแซดทีอี ทั้งนี้ รวมถึงการขายผ่านช่องทางอีเบย์ทั่วโลก
“เราอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง การเปิดตัว Axon และ Axon Mini ในครั้งนี้มีเป้าหมายในการบุกตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ ในขณะที่เราเป็นผู้นำทางในด้านฮาร์ดแวร์ เราทราบดีว่าเราจะไม่สามารถประสบความสำเร็จจากการแข่งขันด้านฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ ที่เสริมสร้างประสบการณ์การสื่อสารมีคุณค่าและความสำคัญมากเพียงใด” มิสเตอร์จ้าวกล่าวสรุป
สโลแกนของแซดทีอี คือ Tomorrow never waits ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจของแซดทีอีในการส่งมอบเทคโนโลยีแห่งอนาคตให้กับลูกค้าในปัจจุบัน เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องรอ
การเปิดตัวสมาร์โฟนเรือธงนี้เกิดขึ้นก่อนหน้างานมหกรรมมือถือครั้งใหญ่ของไทยคือ Thailand Mobile Expo 2015 ทั้งนี้ Axon จะวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป (ราคา 17,900 บาท)ส่วน Axon Mini จะเปิดตัวพร้อมรายละเอียดในไทยเร็วๆ นี้