ถึง Intel Capital จะประกาศการลงทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 64,000 ล้านบาท) ในสตาร์ทอัพเอเชียตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่ข่าวนี้ยังคงน่าสนใจมากเพราะหลังการตรวจรายชื่อประเทศต้นสังกัดสตาร์ทอัพเหล่านี้ กลับพบว่าไม่ปรากฏรายชื่อประเทศไทย ทั้งที่มีชื่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์อยู่
ในช่วงปี 2013 เราได้เห็นกลุ่มทุนมากมายเทเงินทุนให้กับบริษัทเกิดใหม่ในตลาดเอเชียเพื่อหาโอกาสทางธุรกิจแปลกใหม่และทรงพลัง หนึ่งในนั้นคือกลุ่ม Intel Capital หน่วยธุรกิจลงทุนหรือ venture capital ของผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์อย่าง Intel ที่สรุปผลว่าได้ลงทุนเป็นเงินจำนวนมากกว่า 2 พันล้านเหรียญแก่สตาร์ทอัพเอเชียในช่วงที่ผ่านมา
ตัวเลขการลงทุนของ Intel Capital นั้นได้รับความสนใจมาก เพราะ Intel Capital คือกลุ่มทุนที่ลงเงินในบริษัทอาเซียนช่วงปี 2010-2013 มากเป็นอันดับ 2 โดยเป็นรองเพียง Tiger Global ที่ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ซึ่งจากการสำรวจของสำนัก Tech in Asia พบว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมากลุ่มทุนหลายสิบรายลงทุนในบริษัทอีคอมเมิร์ซอาเซียนมากกว่า 400 ดีล คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 224,000 ล้านบาท)
John Mandeville ประธานประชาสัมพันธ์ Intel ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้ข้อมูลว่า Intel Capital ได้ลงทุนในบริษัทเอเชียมากกว่า 300 แห่งด้วยเงินมูลค่ารวมมากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 64,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ มากกว่า 1.4 พันล้านเหรียญ (ราว 44,800 ล้านบาท) ถูกลงทุนในสตาร์ทอัพสัญชาติออสเตรเลีย บังกลาเทศ อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน และเวียดนาม ขณะที่เงินมากกว่า 670 ล้านเหรียญ (ราว 21,440 ล้านบาท) เป็นการลงทุนในสตาร์ทอัพจีน
รายละเอียดการลงทุนในขณะนี้ของ Intel Capital ถูก Mandeville แจงไว้ดังนี้ :
– ราว 440 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 14,080 ล้านบาท) ถูกลงทุนในมากกว่า 40 บริษัทในประเทศญี่ปุ่น
– ราว 330 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 10,560 ล้านบาท) ถูกลงทุนในมากกว่า 90 บริษัทในประเทศอินเดีย
– ราว 260 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 8,320 ล้านบาท) ถูกลงทุนในมากกว่า 40 บริษัทในประเทศไต้หวัน
– ราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6,400 ล้านบาท) ถูกลงทุนในมากกว่า 30 บริษัทในประเทศเกาหลี
– มากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3,200 ล้านบาท) ถูกลงทุนในมากกว่า 12 บริษัทในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน
– ราว 60 บริษัทเอเชียถูกซื้อกิจการไปหรือกลายเป็นบริษัทมหาชน
– เงินลงทุนมากกว่า 670 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 21,440 ล้านบาท) ถูกลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีจีนมากกว่า 110 แห่ง โดยมากกว่า 30 บริษัทกลายเป็นบริษัทมหาชนและถูกซื้อกิจการไปแล้ว และอีก 40 แห่งยังดำเนินธุรกิจในลักษณะเดิม
รายละเอียดเหล่านี้ไร้วี่แววประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าหนักใจที่สะท้อนว่าระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจของไทยจะไม่สมดุลย์แน่นอน โดยที่ผ่านมา กิจการ VC ของ Intel นั้นลงทุนมากกว่า 1,300 บริษัทในมากกว่า 54 ประเทศนับตั้งแต่ปี 1991 ซึ่งหากมองในภาพใหญ่ จะพบว่าทั้ง 1,300 บริษัทที่ Intel ลงทุนนั้น มากกว่า 320 บริษัทประสบความสำเร็จเพราะสามารถถูกซื้อกิจการไปจนสามารถเติบโตสู่ตลาด
ที่มา: Tech in Asia